“เรืองไกร” ร้องสอบยุบเพื่อไทย ปม”หมอเลี้ยบ” มีลักษณะต้องห้าม? นั่งตำแหน่งผอ.พรรค!

1317

“เรืองไกร” ร้องสอบยุบเพื่อไทย ปม”หมอเลี้ยบ” มีลักษณะต้องห้าม? นั่งตำแหน่งผอ.พรรค!

จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรค ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ในหัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทย ยังได้เปิดตัว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือหมอเลี้ยบ นั่งผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (7 พฤศจิกายน 2564) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยที่ขอนแก่นเมื่อ 28 ต.ค. ซึ่งมีนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยนั้น กรณีดังกล่าวทำให้สงสัยว่า จะเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ จึงได้ตรวจสอบพบว่า นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เคยต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีความผิดเกี่ยวกับหน้าที่ราชการ มาแล้ว 2 คดี คือ คดีหมายเลขแดงที่ อม. 91/2559 วันที่ 4 ส.ค. 2559 ศาลพิพากษาว่า มีความผิดตามป.อาญา ม.157 ให้จำคุก 1 ปี แต่รอการลงโทษไว้ 1 ปี และคดีหมายเลขแดงที่ อม. 107/2559 วันที่ 25 ส.ค. 2559 ซึ่งศาลพิพากษาว่า มีความผิดตามป.อาญา ม.157 ให้จำคุก 1 ปี

ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 70 หัวหน้าพรรคสามารถตั้งสมาชิกเป็นผู้อำนวยการพรรคได้ ตั้งแล้วต้องรายงานให้คณะกรรมการบริหารพรรคทราบ แต่หากสรุปตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 12 บุคคลที่ห้ามสมัครเป็นสมาชิก เช่น (9) บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี หรือ (12) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฯลฯ

ดังนั้น นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จึงน่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือ ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย การปรากฏตัวและปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายของนายสุรพงษ์ บนเวทีประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมือง จึงน่าจะมีปัญหาตามมาว่า มีการกระทำอันฝ่าฝืน พรป. พรรคการเมือง ม. 28 และ ม. 29 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ได้ลงบทความของนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ไว้ด้วย ซึ่งวันดังกล่าวก็มีการถ่ายทอดการปราศรัยบนเวทีการประชุมใหญ่ด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ต.ค. เมื่อนายสมพงษ์ ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรค และมีการเลือกนายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กิจกรรมทางการเมืองหลังจากวันที่ 28 ต.ค. จึงควรอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริการพรรคเพื่อไทย ชุดใหม่

แต่เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ยังได้นำบทความของนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย มาลงไว้ อันทำให้เข้าใจได้ว่า นายสุรพงษ์ ยังคงเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 72 การที่นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ยังเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยอยู่นั้น จึงมีปัญหาว่า เป็นได้หรือไม่ ถ้าเป็นไม่ได้ จะถือเป็นคนอื่นหรือผู้ใดที่มิใช่สมาชิก ตามความใน พรป.พรรคการเมือง ม. 28 หรือ ม.29 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า จากข้อเท็จจริงของนายสุรพงษ์ ในฐานะผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย จึงมีเหตุต้องขอให้กกต. ตรวจสอบว่า นายสุรพงษ์ เป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย หรือสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ จะมีการฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมือง ม.28 และ ม.29 หรือไม่ ถ้ามีการฝ่าฝืน จะถือเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเพื่อไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งชุดเดิมและชุดใหม่ตาม ม.92 หรือไม่ และ กกต. ต้องดำเนินคดีอาญาตาม ม.108 หรือไม่ ในวันที่ 8 พ.ย. เวลา 10.00.น. จะไปร้องให้ กกต. ตรวจสอบกรณีดังกล่าวต่อไป

ต่อมาทางด้านของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่น กกต.สอบกรณีนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ดำรงตำแหน่ง ผอ.พรรคเพื่อไทยขัดต่อพรบ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 28 และ 29 และเป็นการครอบงำพรรคหรือไม่ว่า ตนไม่ทราบว่าเขาดำเนินการอะไรถึงเรียกว่าครอบงำ ซึ่งนายเรืองไกรอาจจะมีหลักฐาน ก็ต้องปล่อยให้ว่าไป

ถามว่า ในอดีต นพ.สุรพงษ์เคยถูกตัดสินให้จำคุกจะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เขาเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือ เขาใจว่าไม่ใช่กรรมการบริหาร เพราะตำแหน่งกรรมการยุทธศาสตร์อะไรทำนองนี้ เป็นตำแหน่งที่ต่อเติมเสริมแต่งที่อยู่นอกกฎหมาย  แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นตำแหน่งอะไรตนไม่ทราบ