หลังจากที่ทางด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ได้เปิดเผยความคิดเห็นส่วนตัว หัวข้อเรื่อง “เลิก – แก้ – ไม่แตะ 112” ผ่านช่อง Youtube Jomquan
โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เป็นผู้ร่วมดีเบต โดยนายอรรถวิชช์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงแก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ควรทำทั้งสิ้น เพราะหากยกเลิกไป มีแนวโน้มทำให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายมากขึ้น หากเดินหน้ายกเลิกหรือแก้ไข จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ม็อบชนม็อบมีโอกาสสูงมาก และอาจารย์ปิยบุตรไม่เคยโดน 112 แต่ลูกศิษย์อาจารย์ น้อง ๆ นักศึกษาโดนอยู่นะ ต้องช่วยเขาด้วย คนที่ผิดเต็ม ๆ ก็ต้องโดนกันไปตามกฎหมาย แต่กรณีที่ศาลเคยวางแนวทางไว้แล้ว ว่าไม่ฟ้อง ก็น่าจะต้องมาดูกันว่าสั่งไม่ฟ้องได้ในชั้นตำรวจอัยการ ซึ่งหากมีคณะกรรมการกลั่นกรอง คดีมันจบเร็วขึ้น วิธีการนี้เคยใช้ได้ผลมาแล้วสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่หากยังดันให้แก้ไขยกเลิก ม.112 หักด้ามพร้าด้วยเข่า คงเป็นไปได้ยาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงอยากให้คิดแบบหาทางออกให้ได้ นี่คือจุดยืนของผม”
และต่อมานายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ต้องยอมรับความจริงเยาวชนมองสถาบันฯ ไม่เหมือนคนรุ่นก่อน – ยิ่งฟ้องยิ่งแรง – ยกเลิก 112 ปลดล็อกพื้นที่แลกเปลี่ยนอย่างสันติ และได้ร่ายยาวชี้แจง ถึงบทลงโทษของประเทศต่าง ๆ ว่าเป็นอย่างไร และอยากให้ไทยมีการปรับเปลี่ยน หลากหลายประเทศที่ยังคงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้อยู่ จะต้องมีวิธีการอะไรบางอย่าง หลากหลายประเทศยังคงความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์เอาไว้อยู่ แต่โทษน้อยกว่าเรามาก เช่น เดนมาร์ก เบลเยียม สเปน เนเธอร์แลนด์ 4 ประเทศนี้ยังมีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์อยู่ แต่โทษน้อยกว่า เดนมาร์กบอกให้ใช้เหมือนหมิ่นประมาทคนธรรมดา และถ้าเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์จะเป็นเหตุเพิ่มโทษ จำคุกไม่เกิน 8 เดือน
พร้อมทิ้งท้ายว่า เพราะฉะนั้นมันบังคับกันไม่ได้ และก็ต้องอยู่ร่วมกันในสังคม ในแผ่นดินนี้ จึงเหลืออยู่ทางเดียวคือเปิดให้มีเสรีภาพในการแสดงออก แล้วอดทนอดกลั้นซึ่งกันและกันต่อความเห็นที่แตกต่าง
ล่าสุดทางด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นนี้ โดยระบุว่า “ผมว่าคุณเอ๋ อรรถวิชช์ พูดดีที่ว่า ปิยบุตรยุยงให้เด็กทำผิดกฎหมายแต่ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยดี ผมเลยอยากท้าดีเบตพวกอาจารย์ที่ยุยงเด็กอยู่เบื้องหลังให้มาดีเบตกับผมพร้อม ๆ กัน คือ ปิยบุตร แสงกนกกุล , ชาญวิทย์ เกษตรศิริ , ประจักษ์ ก้องกีรติ , ทัศนัย ม.เชียงใหม่ มากันให้ครบ ๆ เลยครับ เรื่องสถาบันที่ชอบเอาไปกุ ไปบิดเบือนกันนัก จะมาตรา 112 หรือทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ก็พร้อมจะดีเบตครับ”
ทำให้มีคอมเม้นต์เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า รอชม รอติดตาม อยากรู้ว่าทางนั้นจะกล้ามาดีเบตด้วยหรือไม่ เพราะดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้ท้าไปหลายครั้ง แต่ไม่มีใครกล้ามาดีเบตด้วย ดังนั้นในรอบนี้ที่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ได้เปิดเว็บไซต์ล่ารายชื่อแก้มาตรา 112 จึงทำให้น่าติดตามว่า คนที่อยู่เบื้องหลัง อยากให้ประชาชนและกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว เข้ามาลงชื่อ กลับไม่กล้าออกมานำขบวนเอง