“ไทยภักดี” รุกหนัก! แถลงค้าน “ก้าวไกล” แก้ม.112 ชี้ มีพฤติกรรมหมิ่นเหม่สอดคล้องกลุ่มล้มล้างสถาบัน?

1212

“ไทยภักดี” รุกหนัก! แถลงค้าน “ก้าวไกล” แก้ม.112 ชี้ มีพฤติกรรมหมิ่นเหม่สอดคล้องกลุ่มล้มล้างสถาบัน?

จากกรณีที่เมื่อวาน (3 พฤศจิกายน 2564) นายชัยธวัช ตุลาธน  เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงจุดยืนต่อประเด็นการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า พรรคก้าวไกลเคยเสนอแก้ไข5ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปแล้วเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าขณะนี้มีแค่ร่างกฎหมาย4ฉบับที่เข้าสู่กระบวนการรรับฟังความคิดเห็นเพื่อรอบรรจุเข้าสู่วาระ ส่วนร่างแก้ไขมาตรา112กลับถูกโต้แย้งจากสำนักการประชุม สภาฯว่ามีบทบัญญัตติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา6 ที่ระบุว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” กรณีนี้พรรคได้เคยได้ทำหนังสือโต้แย้งไปแล้ว ว่าเนื้อหาดังกล่าวไม่ได้ขัดแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

และจะทำการยื่นหนังสือถึงสำนักเลขาธิการสภาฯอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตามรัฐธรรมนูญภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยร่างแก้ไขมาตรา112ของพรรคไม่มีเนื้อหาขัดหรือแย้งในมาตรา6และขอให้ประธานสภาฯเร่งบรรจุร่างเข้าสู่วาระการประชุมโดยเร็ว หากข้อความมีปัญหาในหรือขัดต่อกฎหมายกฎหมายประการใดย่อมเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่จะเป็นผู้พิจารณา

นายชัยธวัช ยังกล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจต้องคืนสิทธิในการประกันตัวให้แก่ผู้ต้องหาคดี ม.112 และใช้กลไกทางการเมืองในการยุติคดีการเมืองต่างๆ ไม่ควรมีใครต้องอยู่ในคุกเพราะการแสดงออกทางการเมือง ในที่สุดหากต้องนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมก็จำเป็นต้องทำ พรรคก้าวไกลหวังว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอเข้าสู่สภาฯจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมือง ยอมรับว่าการเสนอร่างดังกล่าวเข้าสู่สภาเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองนอกสภาฯ โดยเห็นว่าในฐานะส.ส.ไม่สามารถงดเว้นไม่สนใจในเรื่องนี้ได้ หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขสุดท้ายจะนำไปสู่ความไม่พอใจเรื่อยๆสุดท้ายจะนำไปสู่การยกเลิกในอนาคต วันนี้เราหวังว่าการใช้เวทีสภาจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ล่าสุดวันนี้ ทางด้าน พรรคไทยภักดี ได้แถลงการณ์เรื่องขอคัดค้านแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า แถลงการณ์ล่าสุดของพรรคก้าวไกล ที่จะแก้ไขยกเลิกหรือลดโทษ ในการกระทำผิดกฎหมายมาตรา 112 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อจะล้างความผิดให้กับผู้กระทำความผิดมาตรา 112 มีจำนวนมากที่พรรคก้าวไกลได้ไปประกันตัวและให้การสนับสนุน

การที่พรรคก้าวไกลแถลงว่า “ให้เฉพาะสำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์คดีมาตรา 112 รวมถึงกำหนด ให้ความผิดในลักษณะนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปนำฐานความผิดนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต” เป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งต้องอยู่เหนือการเมืองและความขัดแย้งทางการเมือง มาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง กับประชาชนโดยตรง เป็นสิ่งที่เป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อสถาบัน โดยที่สถาบันต้องทรงปกเกล้าประชาชนจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่สถาบันจะทรงให้สำนักพระราชวังมาเป็นผู้ร้องทุกข์คดีมาตรา 112

การที่พรรคก้าวไกล ต้องการ “แก้ไขโทษของมาตรา 112 ให้จำคุกเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ (สำหรับการกระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์)” เป็นการแก้ไขในทางที่เป็นคุณสำหรับผู้กระทำความผิดจึงมีผลย้อนหลังได้ และการมีโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 1 ปี ตามหลักกฎหมายอาญาทำให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกแต่สามารถรอลงอาญาได้ นอกจากนี้การสนับสนุน ให้เหลือเพียงโทษปรับทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ในสังคมอย่างรุนแรง เพราะคนที่มีเงินเสียค่าปรับ จะกระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้สังคมเป็นสังคมแห่งการด่าทออาฆาตมาดร้าย หมิ่นประมาท ทำให้เกิดการด้อยค่าสถาบันเพิ่มมากขึ้น

อีกทั้งการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ให้ยอมความกันได้นั้น เป็นการเปลี่ยนสภาพกฎหมายจากคดีอาญาจนเป็นคดีแพ่ง ยิ่งทำให้ผู้กระทำความผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย และเหิมเกริมบังอาจกระทำความผิดมากขึ้น การที่พรรคก้าวไกลแถลงว่าให้ “ยกเว้นความผิด หากเป็นการติชม แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ” และ “ยกเว้นโทษ หากพิสูจน์ได้ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นความจริง แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์เรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ และ การพิสูจน์ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน” เป็นการเสนอที่ทำลายและลบล้างหลักการของรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ที่บัญญัติไว้ว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้”

ทั้งนี้การใช้สิทธิเสรีภาพในการติชมสถาบันโดยสุจริต ตามข้อเท็จจริง ไม่กระทำผิดกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่เป็นภัยความมั่นคง ไม่ขัดต่อศีลธรรม ประเพณีอันดี ด้วยความเคารพสักการะ ไม่ล่วงละเมิดสถาบันนั้น สามารถทำได้อยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมายในประเด็นนี้แต่อย่างใด

พฤติกรรมและเจตนาต่อเนื่องของพรรคก้าวไกลในปัจจุบันและพรรคอนาคตใหม่ในอดีต ตลอดจนคณะก้าวหน้าในปัจจุบัน มีความสอดคล้องกันและเชื่อมโยงกับขบวนการเคลื่อนไหว เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันอย่างชัดเจน รวมถึงการออกแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ด้วย นับว่าเป็นการกระทำที่เกิดคำถามได้ว่ามีจุดมุ่งหมายล้มล้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่

ดังนั้นพรรคไทยภักดีขอแสดงเจตนารมณ์คัดค้านแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และขอย้ำจุดยืนเดิมในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข