จับพิรุธ??ทัพเรือสหรัฐแถ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ชนวัตถุปริศนาคือภูเขาใต้ทะเล

1373

กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาเปิดเผยผลสอบสวน เหตุเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชนกับวัตถุปริศนาในทะเลจีนใต้เมื่อเดือนที่แล้วว่า เป็นผลจากการชนเข้ากับภูเขาใต้ทะเลที่ไม่มีอยู่ในแผนที่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลของจีนสงสัยว่า ทำไมปล่อยมานานกว่า 1 เดือนจึงเพิ่งแถลง และตั้งข้อสังเกตุว่า เมื่อมีการชนแล้วมีการรั่วไหลของนิวเคลียร์หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางทะเลเป็นพิษได้ ขณะที่จับได้ว่าสหรัฐส่งเรือตรวจนิวเคลียร์มาป้วนเปี้ยนเหนือทะเลจีนใต้ด้วย

วันที่ 2 พ.ย.2564 สำนักข่าวเอเอฟพีและโกลบัลไทมส์รายงานว่า กองเรือที่ 7 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งปฏิบัติการในแปซิฟิกตะวันตก เปิดเผยผลการสืบสวนอุบัติเหตุเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ยูเอสเอส คอนเนคทิคัต(USS Connecticut) ชนเข้ากับวัตถุปริศนา ระหว่างออกปฏิบัติการในน่านน้ำทะเลจีนใต้เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้ข้อสรุปว่าวัตถุปริศนาดังกล่าวเป็นภูเขาใต้ทะเลที่ไม่อยู่ในแผนที่

ก่อนหน้านี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ ออกมาระบุเพียงว่า เรือดำน้ำโจมตีเร็วพลังงานนิวเคลียร์ ยูเอสเอส คอนเนคทิคัต ชนเข้ากับวัตถุปริศนาอย่างหนึ่งระหว่างการดำน้ำ แต่ไม่ระบุรายละเอียดที่แน่ชัด โดยยืนยันว่าลูกเรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางราวสิบคน แต่ส่วนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่ได้รับความเสียหาย โดยอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้เรือต้องแล่นกลับสู่เกาะกวมเพื่อทำการซ่อมแซม

ทางด้านจีน ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารให้ความเห็นว่า กองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ ว่า”วัตถุที่ไม่รู้จัก” ที่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ยูเอสเอส คอนเน็คติกัตชนในทะเลจีนใต้เมื่อต้นเดือนตุลาคม  กลายเป็นภูเขาที่ไม่อยู่ในแผนที่นั้นน่าผิดหวัง เพราะยังคงชี้แจงสั้นๆและไม่ชัดเจน ทำให้มีคำถามมากมายที่ยังไม่ได้คำตอบ รวมถึงตำแหน่งที่แน่นอนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอาจมีการรั่วไหลของนิวเคลียร์ และเที่ยวบินล่าสุดของเครื่องบินตรวจจับวัสดุนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ บินไปยังทะเลจีนใต้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เข้าใจถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวแต่ไม่กล่าวถึง

จาง จุนเฉอ นักวิจัยอาวุโสของสถาบันวิจัยกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) กล่าวว่า “ถ้อยแถลงล่าสุดของสหรัฐฯ ยังคงสั้น ไม่ชัดเจน และยังคงไม่ตอบคำถามมากมายที่เกี่ยวข้องกับประชาคมระหว่างประเทศ”

ซึ่งรวมถึงตำแหน่งที่แน่นอนที่เกิดการปะทะกัน ภารกิจที่เรือดำน้ำทำในระหว่างที่เกิดอุบัติเหตุ และหากการชนกันส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของนิวเคลียร์และทำให้สิ่งแวดล้อมทางทะเลเป็นมลพิษ จางกล่าว

จางกล่าวเสริมว่า “เนื่องจากในแต่ละปีมีเรือพาณิชย์ประมาณ 100,000 ลำแล่นในทะเลจีนใต้พร้อมกับเรือประมงจำนวนมหาศาล นั่นหมายความว่าสิ่งแวดล้อมทางทะเล ความปลอดภัยในการเดินเรือ และความปลอดภัยสำหรับงานประมงเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งสมควรที่จะทราบความจริงและ รายละเอียดของอุบัติเหตุ แต่สังเกตผลการสอบสวนในปัจจุบันของสหรัฐ “ขาดความจริงใจ ความโปร่งใส และความเป็นมืออาชีพ ทำให้น่าผิดหวังมาก”

ซ่ง จงผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีน(Chinese military expert and TV commentator Song Zhongping)วิจารณ์ว่าการชนกับภูเขาในทะเลอาจสร้างความเสียหายให้กับเรือดำน้ำ และนำไปสู่การรั่วไหลของนิวเคลียร์

แม้ว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ จะปฏิเสธว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หรือระบบขับเคลื่อนของเรือดำน้ำไม่ได้รับความเสียหายเลยนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เมื่อเร็ว ๆ นี้สหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินตรวจจับวัสดุนิวเคลียร์ไปยังทะเลจีนใต้เพื่อทำการสำรวจ และสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการรั่วไหลของนิวเคลียร์ 

เครื่องบินตรวจจับวัสดุนิวเคลียร์ที่ซ่งอ้างถึงคือ WC-135W ซึ่งพบว่าปฏิบัติการในทะเลจีนใต้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค.2564 ผ่านมา ตามการตรวจสอบที่ดำเนินการโดย South China Sea Strategic Situation Probing Initiative ซึ่งเป็นหน่วยคลังสมองในปักกิ่ง

นักวิเคราะห์กล่าวว่าการไม่เปิดเผยรายละเอียดของการชนและไม่เปิดเผยพิกัดทำให้สหรัฐฯ ตั้งใจปิดบังอะไรบางอย่าง

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สาเหตุโดยตรงของการชนอาจเป็นเพราะกองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่มีแผนที่ทางทะเลที่แม่นยำ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของทะเลจีนใต้และการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศใต้น้ำ ซึ่งเป็นไปได้หลังเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้ก็คือ การปรากฏตัวในระยะยาวของสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้ ที่ก่อให้เกิดปัญหาในภูมิภาคนี้โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางการเมืองที่เห็นแก่ตัวของสหรัฐฯ  

จางกล่าวว่า“อุบัติเหตุการชนกันอาจเกิดขึ้นได้ เพราะเรือรบของกองเรือที่ 7 ของสหรัฐอเมริกาประสบอุบัติเหตุการชนหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ตัวอย่างเช่น ในปี 2560 USS Fitzgeraldเรือพิฆาต ชนกับเรือคอนเทนเนอร์ใกล้ญี่ปุ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 รายและบาดเจ็บหลายราย

ต่อมาในปี 2560 เรือพิฆาต USS John S. McCainชนกับเรือบรรทุกสารเคมีในทะเลจีนใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย เป็นต้น