“นิสิตม.ดัง” โหนพิมรี่พาย โดนแล้ว! ถูกอาจารย์แจ้งม.112 เป็นคดีที่2 ไม่เข็ดจะพูดสถาบันต่อ?
จากกรณีเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่มีการแชร์อย่างมากมายในโซเชียลฯ เมื่อ “พิมรี่พาย” แม่ค้าสาว ที่ขายของออนไลน์ ทั้งยังเป็นยูทูปเบอร์ชื่อดัง ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านแม่เกิบ ตั้งอยู่ที่ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำข้าวของต่าง ๆ ไปมอบให้เด็ก ๆ และคนในหมู่บ้าน ในวันเด็กปี 2564
ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวเกิดดราม่าขึ้นจนได้ เมื่อในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่โพสต์ข้อความว่า “พิมรี่พายขึ้นดอยครั้งเดียวเด็กมีไฟฟ้าใช้ แต่…ขึ้นดอยมา 70 ปี ….//ไม่พูดดีกว่า” ต่อมาตรวจสอบพบว่าเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ล่าสุด ทางเพจ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความถึงความคืบหน้าล่าสุดของกรณีของนายอรรฆพล (สงวนนามสกุล) หรือบีม กราฟิกดีไซเนอร์อิสระ วัย 25 ปี ที่ได้โพสต์ข้อความดังกล่าว โดยบอกว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่ สถานีตำรวจภูธรแกลง จังหวัดระยอง นายอรรฆพล (สงวนนามสกุล) หรือบีม กราฟิกดีไซเนอร์อิสระ วัย 25 ปี เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในข้อหามาตรา 112, หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3)
โดยถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊ก 8 ข้อความในทำนองหมิ่นสถาบัน โดยมีนายถนอมศักดิ์ บุญภักดี อาจารย์มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นผู้กล่าวหา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 64 อรรฆพลได้เคยเดินทางไปให้การในฐานะพยาน ตามหมายเรียกพยานมาแล้วหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะถูกออกหมายเรียกผู้ต้องหาในครั้งนี้ โดยในครั้งนั้นอรรฆพลไม่ได้ให้การใดๆ ทั้งสิ้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเขาเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางไปให้การที่ สภ.แกลง ของตัวเองทั้งหมด รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,500 บาท
ต่อมาเวลา 10.00 น. อรรฑพลพร้อมทนายความเดินทางไปยัง สภ.แกลง โดยมี พ.ต.ท.ไพฑูรย์ ตั้งความเพียร รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.แกลง เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาและพฤติการณ์ในคดีให้อรรฆพลรับทราบ
โดยพนักงานสอบสวนระบุว่า มูลเหตุในคดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 64 เวลาประมาณ 20.00 น. นายถนอมศักดิ์ได้เปิดเฟซบุ๊ก พบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความลงบนไทม์ไลน์ของตนเองในลักษณะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทน
ข้อความที่อรรถฆพลถูกกล่าวหามาจากข้อความในเฟซบุ๊ก 8 ข้อความ โพสต์ระหว่างช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 ถึงเดือนมกราคม 2564 อาทิเช่น เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 64 เวลาประมาณ 12.00 น. ลงข้อความดักล่าวกรณีที่พิมรี่พายขึ้นดอย และมีการตอบกลับในข้อความตนเองว่า “สงสัยจะมองไม่เห็น …..”
ผู้กล่าวหาพบว่าบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เชื่อว่าเป็นของนายอรรฆพล มีผู้ติดตามจำนวน 3,058 คน (ณ วันเกิดเหตุ) และทุกข้อความข้างต้นมีผู้เข้ามากดไลค์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต อันเป็นความผิดฐาน “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร” โดยนายอรรฆพลได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จนเวลา 13.00 น. หลังพนักงานแจ้งข้อกล่าวหาในคดีเสร็จสิ้นได้ปล่อยตัวอรรฆพลกลับไป โดยไม่ได้ควบคุมตัวไว้ และจะประสานงานแจ้งวันนัดสำนวนส่งให้อัยการต่อไป
ทั้งนี้ คดีนี้นับเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่ 2 ของอรรฆพล โดยก่อนหน้านี้เขาเคยถูกแน่งน้อย อัศวกิตติกร ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ.กล่าวหาจากโพสต์เฟซบุ๊กเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาในครั้งนี้ จำนวน 1 โพสต์ นั่นก็คือข้อความเกี่ยวกับการที่พิมรี่พายขึ้นดอยครั้งเดียวทำให้เด็กได้มีไฟฟ้าใช้
หลังรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเสร็จ นายอรรฆพลได้เปิดเผยว่า การเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาถึงจังหวัดระยองในครั้งนี้ ทำให้ตนเสียเวลาอย่างมาก เพราะต้องหยุดงาน 1 วัน เป็นการเสียโอกาสในการทำงานโดยเปล่าประโยชน์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง และเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทั้งสิ้น 1,700 บาท แต่ได้กองทุนดาตอร์ปิโด ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้
และนายอรรฆพลยังเล่าอีกว่า ข้อความที่ถูกกล่าวหาดำเนินคดีตามมาตรา 112 ในครั้งนี้นั้น เกิดจากการตีความไปเองของผู้กล่าวหาทั้งสิ้น ไม่ได้มีข้อความใดหรือคำใดที่ระบุถึงกษัตริย์อย่างตรงตัวเลยแต่อย่างใด ยอมรับว่าการที่ถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 ถึง 2 คดีด้วยกัน ทำให้เขาระมัดระวังตัวในการใช้สื่อโซเซียลออนไลน์มากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงแสดงออกและวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเมืองและสถาบันกษัตริย์ต่อไป