สุดท้ายไม่รอด! คุก 4 เดือน ไม่รอลงอาญา “ณัฐชนน” ร่วมเบนจา ละเมิดอำนาจศาล!

2058

สุดท้ายไม่รอด! คุก 4 เดือน ไม่รอลงอาญา “ณัฐชนน” ร่วมเบนจา ละเมิดอำนาจศาล!

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 09.30 น. ศาลมีนัดไต่สวนในคดีละเมิดอำนาจศาล ของน.ส.เบนจา อะปัญ และนายณัฐชนน ไพโรจน์ นักกิจกรรมและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากการเรียกร้องสิทธิการประกันตัว หน้าศาลอาญา เมื่อวันที่ 29 เมษายน 64 ในระหว่างที่นางสุรียรัตน์ ชิวารักษ์ กำลังยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เพนกวิน หรือนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งกำลังถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีมาตรา 112 และอดอาหารทวงคืนสิทธิประกันตัวมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ศาลได้นัดไต่สวนในคดีนี้แล้ว แต่ทนายได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนออกไปก่อน เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาได้รับแค่หมายเรียกนัดไต่สวนเท่านั้น โดยยังไม่ได้สำเนาคำร้องระบุข้อกล่าวหา จึงไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริง รวมไปถึงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ศาลจึงให้เลื่อนนัดไต่สวนมาเป็นวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้เฉพาะบุคคลผู้ที่มีความเกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะสามารถเข้าฟังการไต่สวนได้
ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 805 ชวัลนาถ ทองสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ผู้กล่าวหา มาศาล นายณัฐชนน มาศาล ขณะที่น.ส.เบนจาถูกนำตัวมาทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งนี้ยังมีนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวินมาร่วมฟังการไต่สวนด้วย

โดยนายณัฐชนน ไพโรจน์ อายุ 21 ปี มีพฤติการณ์สรุปว่า นายณัฐชนนได้พูดผ่านเครื่องขยายเสียงมีข้อความทำนองว่า “ผมขอไม่นับว่าท่านจบที่ธรรมศาสตร์ที่เดียวกับผม เพราะท่านไม่เคยรักประชาชนเหมือนที่มหาลัยสอนคุณมันไร้กระดูกสันหลัง ถ้าคุณไร้กระดูกสันหลังคุณก็ไม่ได้ตั้งตรงเหมือนกับคนทั่วไป” และข้อความอื่นๆ การกระทำของนายณัฐชนน เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล และกระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลอาญาว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลอาญา

ล่าสุดวันนี้ทางทวิตเตอร์ TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า ด่วน! ศาลอาญามีคำสั่งลงโทษจำคุก #ณัฐชนน ไพโรจน์ ในคดี #ละเมิดอำนาจศาล เป็นเวลา 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา คดีนี้สืบเนื่องมาจากการชุมนุมหน้าศาลอาญาเพื่อทวงสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดี 112 เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 ด้านคดีของ #เบนจา จากกรณีเดียวกัน ศาลมีคำสั่ง #บ่ายวันนี้
สำหรับกรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 มีมวลชนกลุ่ม “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ประมาณ 300 คน ได้มีการเชิญชวนกันมาทำกิจกรรมยื่นจดหมาย “ราชอยุติธรรม” พร้อมทั้งยืนอ่านกลอน “ตุลาการภิวัติ” ที่ศาลอาญาโดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาในบริเวณศาลอาญาและรวมตัวกันบริเวณบันไดทางขึ้นด้านหน้าศาลอาญา (หน้ามุกศาล) มีการใช้เครื่องขยายเสียงพร้อมทั้งตะโกนข้อความ “ปล่อยเพื่อนเรา” จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.50 น. พ.ต.ท. ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย รอง ผกก.ป.สน.พหลโยธินได้อ่านประกาศคำสั่งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เรื่อง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
ต่อมาเวลาประมาณ 13.05 น. พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้ประกาศเรื่องการใช้สิทธิและเสรีภาพของผู้ชุมนุมให้อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อกำหนดของศาลและแจ้งให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบเรียบร้อย แต่ยังคงไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ชุมนุมอีก และผู้ชุมนุมยังคงทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ร่วมตะโกนด้วยข้อความต่างๆ อยู่เป็นระยะ พูดผ่านเครื่องขยายเสียงกล่าวโทษศาลยุติธรรมและตุลาการศาลยุติธรรมจนทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในศาล
กระทั่งเวลา 15.00 น. น.ส.เบนจา ได้แสดงพฤติกรรม วิ่งผ่านแนวรั้วแผงเหล็กที่กั้นอยู่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นอาคารศาลอาญา พร้อมทั้งโปรยแผ่นกระดาษขณะวิ่งขึ้นบันไดโดยพยายามหลบหลีกเจ้าหน้าที่พร้อมตะโกนว่า “ตุลาการเช่นนี้อย่ามีเลย” และเมื่อโปรยกระดาษเสร็จก็หยุดยืนอยู่บริเวณบันไดและพูดผ่านเครื่องขยายเสียงโดยหันหน้าเข้าหาเจ้าหน้าที่ศาล พร้อมโปรยกระดาษที่เหลืออีกครั้งต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ซึ่งการกระทำของ น.ส.เบนจา ผู้ถูกกล่าวหา เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล และกระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลอาญาว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลอาญา พ.ศ.2564