เวียดนามมีประชากรทั้งสิ้น 97.3ล้านคน มากเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากกว่า 53 ล้านคน คือมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมด ปกครองด้วยพรรคเดียว โดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ใช้กฎหมายควบคุมการประพฤติผิดต่อความมั่นคงของชาติ ของบุคคล องค์กรต่างชาติและในประเทศอย่างเด็ดขาดมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดศาลเวียดนามสั่งจำคุกนักข่าว 5 รายฐานเปิดเพจปลุกระดมต่อต้านรัฐบาลบนเฟซบุ๊ก ท่ามกลางการต่อสู้ทางความคิดผ่านสงครามข่าวสาร ด้วยสื่อยักษ์ในโลกโซเชียลมิเดีย
วันที่ 28 ต.ค.2564 สำนักข่าวเวียดนามและอัลจาซีราห์ รายงานว่าศาลในเมืองเกิ่นเทอ ทางตอนใต้ของเวียดนาม พิพากษาจำคุกผู้สื่อข่าว 5 คน จากความผิดในการตั้งเพจสำนักข่าว “เบาซัค:Bao Sach” หรือ “สื่อหนังสือพิมพ์สะอาด:Clean Journalism” ในเดือนสิงหาคม 2019 ลงเพจ Facebook และช่อง YouTube ได้ถูกปิดหลังจากหนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกจับเมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมา
พวกเขาโพสต์ข่าวต่อเนื่องและ เผยแพร่ข้อความซึ่งมีข้อมูลบิดเบือน และมีเนื้อหาใส่ร้ายรัฐบาล อันเป็นแนวคิดในการจงใจต่อต้านรัฐบาล ทำให้เกิดความสับสน และความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชน
เวียดนาม นิวส์ เอเยนซี่ หรือวีเอ็นเอ รายงานว่า การพิจารณาคดีมีขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยนายเจื่อง โจว หู ดันห์(Truong Chau Huu Danh) อดีตผู้สื่อข่าวผู้ก่อตั้งเพจ ได้ถูกตัดสินจำคุก 4 ปีกับอีก 6 เดือน ในส่วนของคนอื่นๆ ถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 2-3 ปี และทั้ง 5 คนถูกสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนเป็นเวลา 3 ปีนับตั้งแต่วันพ้นโทษ
ศาลกล่าวว่าดันห์ (Danh) และผู้สมรู้ร่วมคิดไม่ได้ใช้คำหรือภาพที่ “เป็นอันตราย” อย่างชัดแจ้ง แต่วิธีนำเสนอบทความทำให้ผู้อ่านเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริง ศาลตั้งข้อสังเกต ผู้อ่านหลายคนแสดงปฏิกิริยา แสดงความคิดเห็น และแบ่งปันโพสต์ โดยใช้คำที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและคำหยาบคายอื่นๆ เพื่ออธิบายบุคคลและองค์กรบางประเภท ศาลจึงพบว่าจำเลยตั้งใจที่จะชักชวนประชาชนให้พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับแนวทางและความคิดริเริ่มของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและรัฐ
ดันห์ให้การว่า เขายอมรับผิดต่อการกระทำของกลุ่ม เขาขอโทษบุคคลและองค์กรที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเขา ผู้สมรู้ร่วมทั้งสี่ของเขายอมรับความผิดและขอให้ศาลลงโทษเพื่อที่พวกเขาจะได้กลับไปหาครอบครัวได้
พวกเขาเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กกลุ่มล่าสุดที่ถูกจำคุกจากการโพสต์เนื้อหาต่อต้านรัฐบาลเวียดนาม รัฐบาลควบคุมสื่อและข้อมูลข่าวสารอย่างเข้มงวด โดยไม่อดทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ
ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่าเวียดนามไม่ควรปฏิบัติต่อสื่อในฐานะศัตรูของรัฐ
โรเบิร์ตสัน กล่าวว่า“การโยนนักข่าวพลเมืองเข้าเรือนจำมากขึ้น ไม่ได้ช่วยหยุดยั้งผู้คนจากการติติงหรือเรียกร้องการปฏิรูปในเวียดนาม รัฐบาลควรตระหนักว่านักข่าวพลเมืองและสื่ออิสระเป็นพันธมิตรของหลักธรรมาภิบาล”
แต่รัฐบาลเวียดนามมองว่า การกระทำที่ใช้สิทธิเสรีภาพโดยไม่ใส่ใจผลกระทบต่อผู้อื่นและสังคม ไม่ใช่หลักธรรมภิบาลแต่เป็นการทุจริตรูปแบบหนึ่ง ปากบอกทำความดี แต่พฤติกรรมคือทำทุจริตประพฤติมิชอบ!!
