เศรษฐกิจสหรัฐฯอาการหนัก สะท้อนจาก GDPไตรมาส3 ต่ำที่สุดในรอบหนึ่งปี นับตั้งแต่การระบาดระลอกใหม่เริ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2021 เนื่องจากโควิด-19 มีตัวแปรเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าและเดลต้าพลัสยังระบาดต่อเนื่อง ตลอดจนปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน การผลิต-การขนส่ง ราคาสินค้าผู้บริโภคสูงต่อเนื่องด้วยปัจจัยราคาน้ำมันพุ่ง สิ่งที่นักวิเคราะห์ทุกค่ายกังวลที่สุดในเวลานี้คือ ภาวะเงินเฟ้อที่กระฉูดหนัก ท่าทางเฟดจะรับมือไม่อยู่แม้จะปลอบว่า เป็นภาวะชั่วคราว ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อ ยิ่งตัวเลขคาดการณ์จีดีพีล่าสุดต่ำเตี้ย ทำให้ภาพรวมดูย่ำแย่ ปัจจัยเหล่านี้ขัดขวางการฟื้นตัวสหรัฐอเมริกา อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค.2564 กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการสำหรับการเติบโตของ GDP ไตรมาส 3 ต่อปี ที่ 2% ซึ่งต่ำกว่าที่ ดาวน์โจนส์ (Dow Jones) คาดการณ์ไว้ที่ 2.8%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลงของการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ และการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของยอดขาดดุลการค้าสหรัฐ ซึ่งแตะระดับ 9.63 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เถียน ยุน(Tian Yun) นักเศรษฐศาสตร์ในกรุงปักกิ่ง(Tian Yun, an economist based in Beijing) กล่าวว่าการบริโภคที่ซบเซาส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตอย่างช้าๆ ในไตรมาสที่สาม เนื่องจากปัญหาใหม่ คือการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนแรงงานทำให้เกิดปัญหากับสินค้าอุปโภคบริโภคของสหรัฐอเมริกา
“ผู้บริโภคชาวอเมริกันอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด แม้พวกเขามีเงินแต่ไม่สามารถซื้อสิ่งที่ต้องการได้” การบริโภคประกอบด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐประมาณสองในสาม ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของจีดีพี
ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อน ส่งผลให้ราคาอาหาร ค่าเช่าและสินค้าอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้น
สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นเพียงเหยื่อของปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ก็รายงานการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่สามซึ่งแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปีที่ 4.9% ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนพลังงานและปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเช่นกันแต่ก็ยังสูงกว่าของสหรัฐฯ
เถียนตั้งข้อสังเกตว่าการระบาดของ COVID-19 ยังนำไปสู่มาตรการป้องกันและควบคุมไวรัสของจีนที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเว้าแหว่ง แต่ประสิทธิภาพโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพ
เขากล่าวว่า“โดยการเปรียบเทียบ ผลลัพธ์ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับวัฏจักรเศรษฐกิจ ฝ่ายบริหารของไบเดนต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากหลายด้านในปัจจุบัน”
การฟื้นตัวของโรคระบาดซ้ำซ้อนและการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีทางเศรษฐกิจโดยรวม สหรัฐฯจะทำอะไรได้บ้างในภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอเช่นนี้
นอกจากนี้ทั้งๆที่สหรัฐฯเป็นประเทศที่มีวัคซีนจำนวนมาก แต่ต้อง ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในด้านสุขภาพและชีวิตของคนอเมริกัน แค่ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100,000คนในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากโควิด-19 และมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 10 ล้านราย
ล่าสุดสหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อเดลตา พลัส หรือ AY.4.2 แล้ว 130 ราย ใน 33 รัฐ หรือคิดเป็น 0.5% จนถึงเมื่อ 11 ต.ค.64 นับตั้งแต่พบเดลตาพลัสครั้งแรกเมื่อ 20 ก.ค. 64 และที่รัฐแคลิฟอร์เนียพบผู้ติดเชื้อเดลตาพลัส แล้ว 5 ราย จนถึง 23 กันยายน หรือคิดเป็น 0.5% ของผู้ติดเชื้อในรัฐ