มาครงฟันธง!!จีน-รัสเซียผงาด อำนาจสหรัฐ-ต.ต.เสื่อมทรุด ใกล้ถึงจุดจบเพราะทำตัวเอง

1682

ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศสได้กล่าวสุนทรพจน์ในหมู่นักการทูต หลังการประชุม G7 เป็นการประชุมภายใน เมื่อเร็วๆนี้ ประกาศยอมรับความเปลี่ยนแปลงใหม่ของโลกที่ว่า จีนและรัสเสียได้ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจใหม่ที่ตะวันตกจะมองข้ามไม่ได้ และยอมรับโดยดุษฎีว่า “อำนาจนิยมของสหรัฐอเมริกาและตะวันตก ใกล้ถึงจุดจบแล้ว!” ทั้งสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกได้เลือกเดินหนทางที่ผิดพลาดหลายด้านตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

ปธน.เอ็มมานูเอล มาครง(Emmanuel Macron)ได้ทำการวิเคราะห์ทั่วไปเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน เขาระบุว่า”อำนาจของตะวันตกใกล้จะสิ้นสุดแล้ว!” และชี้แนะวิธีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอำนาจใหม่ในโลกปัจจุบัน?   

มาครงกล่าวถึง ระเบียบโลกที่ใช้กันมาระหว่างประเทศต่างๆ กำลังถูกโค่นล้มในรูปแบบใหม่ และระบุว่านี่เป็นการโค่นล้มครั้งใหญ่ที่เราเคยประสบมาในประวัติศาสตร์ และมันมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งในเกือบทุกภูมิภาค เป็นการเปลี่ยนแปลงระเบียบระหว่างประเทศ การบูรณาการทางภูมิรัฐศาสตร์ และการปรับโครงสร้างองค์กรเชิงกลยุทธ์ที่มากยิ่งขึ้น

เขากล่าวว่า”ฉันต้องยอมรับว่าความเป็นเจ้าโลกตะวันตกอาจใกล้ถึงจุดจบ”  

ตะวันตกนั้นเคยชินกับระเบียบสากล ที่กำหนดโดยอำนาจของตนมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ฝรั่งเศสได้รับแรงบันดาลใจจากการตื่นรู้ในศตวรรษที่ 18 สหราชอาณาจักรก้าวเป็นผู้นำโดยการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 19 และสหรัฐอเมริกาที่โดดเด่นออกมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองในศตวรรษที่ 20

ฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาทำให้ตะวันตกยิ่งใหญ่มาเป็นเวลา 300 ปีแล้ว ฝรั่งเศสคือวัฒนธรรม อังกฤษคืออุตสาหกรรม และอเมริกาคือสงคราม  

สหรัฐฯและประเทศตะวันตก ได้ทำผิดพลาดมากมายในการเผชิญกับวิกฤต ซึ่งสั่นคลอนอำนาจของเราอย่างลึกซึ้ง และสิ่งนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากการบริหารของอดีตปธน.ทรัมป์เท่านั้น  ก่อนหน้าทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนอื่นๆ ก็ตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ผิดด้วย เช่น นโยบายจีนของคลินตัน นโยบายสงครามของบุช การก่อวิกฤตการเงินโลกของโอบามา เป็นต้น 

  

นโยบายที่ผิดของผู้นำอเมริกันเหล่านี้ล้วนเป็นความผิดพลาดพื้นฐานที่เขย่าอำนาจของตะวันตกขณะเดียวกันเราได้ประเมินการเกิดขึ้นของมหาอำนาจใหม่ต่ำเกินไป

เราต่างต้องยอมรับว่าจีนและรัสเซียประสบความสำเร็จอย่างมากในปีนี้ภายใต้รูปแบบความเป็นผู้นำที่แตกต่างกัน

พวกเขาไม่เชื่อการเมืองตะวันตกอีกต่อไป แต่กลับไปยึดมั่น “วัฒนธรรมประจำชาติ” ของตนเองแทน เมื่อประเทศเกิดใหม่เหล่านี้ค้นพบวัฒนธรรมประจำชาติของตนเองและเริ่มเชื่อมั่นในวัฒนธรรมดังกล่าว พวกเขาจะค่อยๆ กำจัด “วัฒนธรรมทางปรัชญา” ที่อำนาจนิยมของตะวันตกปลูกฝังในอดีต และนี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบของการเป็นเจ้าโลกตะวันตก   

มาครงสรุปว่า “จุดจบของความเป็นเจ้าโลกตะวันตกไม่ได้อยู่ที่ความเสื่อมทางเศรษฐกิจ หรือความเสื่อมถอยทางทหาร แต่อยู่ในความเสื่อมทางวัฒนธรรม”

จีนได้ปลดปล่อยประชากร 700 ล้านคนให้พ้นจากความยากจน และในอนาคตจะมีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่หลุดพ้นจากความยากจน แต่ในฝรั่งเศส เศรษฐกิจแบบตลาดกำลังเพิ่มความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความโกรธเคืองของชนชั้นกลางในปีที่ผ่านมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในระเบียบการเมืองของฝรั่งเศส     

ในสหราชอาณาจักร การล่มสลายของระบบการเมืองนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ระบบการเมืองในอดีตล้มเหลวในการให้ประโยชน์แก่คนอังกฤษ และทำให้ชีวิตของพวกเขาย่ำแย่ลง แต่ผู้นำทางการเมืองระดับสูงไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้

สำหรับสหรัฐอเมริกา แม้ว่าชาวอเมริกันจะอยู่ในค่ายตะวันตก แต่พวกเขาก็มีมาตรฐานด้านมนุษยธรรมที่แตกต่างจากยุโรปเสมอโดยเฉพาะเรื่องศาสนา

ชาวอเมริกันไม่อ่อนไหวต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศ ความเท่าเทียมกัน และความสมดุลทางสังคมในลักษณะเดียวกับยุโรป ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนในสหรัฐอเมริกานั้นใหญ่กว่าในยุโรปมาก

 

ยุโรปร่วมมือกับสหรัฐฯ ขับไล่รัสเซีย  นี่อาจเป็นข้อผิดพลาดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปในศตวรรษที่ 21 ผลของการขับไล่รัสเซียคือปูตินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับจีน และนี่ทำให้จีนและรัสเซียมีโอกาสได้ใกล้ชิดร่วมมือกัน

หากยุโรปไม่ขับไล่รัสเซีย นโยบายของรัสเซียจะไม่มีวันต่อต้านตะวันตกได้ขนาดนี้  ในแง่ของภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาในยุโรปอยู่ที่การทหาร เนื่องจากการมีอยู่ของนาโต้ มันจึงกลายเป็นเรื่องยากมากสำหรับยุโรปที่จะจัดตั้งกองทัพยุโรปอีกกองทัพหนึ่ง  ตราบใดที่ไม่มี “กองทัพยุโรป” ยุโรปจะถูกควบคุมโดยคำสั่งทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาตลอดไป กองทัพยุโรปจึงเป็นกุญแจสำคัญในการถ่วงดุลสหรัฐฯ  หากไม่มีกองทัพยุโรป ยุโรปก็ไม่มีเอกราชอย่างแท้จริง