มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก(Mark Zuckerberg: CEO Facebook) ออกมาตอบโต้ข่าวร้ายเกี่ยวกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี โดยกล่าวโทษสื่อว่า “ใช้ความพยายามร่วมกัน” ในการ “วาดภาพร้าย” ให้บริษัทด้วยการ “เลือกใช้ข้อมูลจากเอกสารที่รั่วไหลออกมา” เป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว ยืนยันความรุนแรงแตกแยกในสังคม ไม่ใช่ความผิดของเฟซบุ๊ก
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Facebook ซักเคอร์เบิร์ก บอกกับนักลงทุนว่าการรายงานข่าวจากเอกสารที่รั่วไหลจากผู้แจ้งเบาะแส ฟรานเซส เฮาเกน(Frances Haugen) และคนอื่น ๆ ไม่ใช่”การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต” เขาอ้างว่าการรายงานข่าวไม่ได้สะท้อนถึงความพยายามของบริษัทในการควบคุมคำพูด แสดงความเกลียดชังและเป็นการบิดเบือนข้อมูลด้านเดียว ทั้งยังย้ำว่าเฟซบุ๊กไม่ใช่”ตัวขับเคลื่อนหลัก”ของการแบ่งขั้วทางสังคม
เขาอ้างว่าบริษัทเทคโนโลยี ไม่ควรต้องรับผิดชอบในการรักษาความสมดุลค่านิยมทางสังคมที่แตกต่างกันและเรียกร้องให้มี การออกกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้มีความชัดเจนโดยรัฐฯ
ในวันเดียวกัน ฟรานเซส เฮาเกน อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ในทีมข้อมูลของ Facebook ได้ให้การกับรัฐสภาอังกฤษว่าบริษัทเฟซบุ๊ก “สนับสนุนความเกลียดชัง” โดยใช้ระบบที่จัดลำดับความสำคัญและขยายเนื้อหาที่แตกแยกและแบ่งขั้ว โดยไม่ดำเนินการแก้ไขแต่อย่างใด เมื่อต้นเดือนนี้ เธอได้ให้การกับรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาว่า บริษัทให้ความสำคัญกับ”ผลกำไรมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งาน”และอ้างว่าไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ 2.9 พันล้านคน
เฟซบุ๊กเปเปอร์สเอกสารภายในที่แพร่ไปยังสื่อ ได้แฉอีกว่า 2 ปีก่อนบริษัทแอปเปิลเคยไม่พอใจอย่างหนัก ถึงขั้นข่มขู่ที่จะถอดเฟซบุ๊กและอินสตราแกรมออกไปจากแอปสโตร์ของบริษัท หลังพบว่ามีเผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายผิดกฎหมายหญิงรับใช้ต่างชาติในตะวันออกกลางบนแพลตฟอร์ม แต่เรื่องนี้ก็เงียบไป
นอกจากจะคิดว่า เฟซบุ๊กไม่ผิดแล้ว ซักเคอร์เบิร์กยังยกย่องระบบของแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊กว่า“เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม”และยกให้การก่อตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลของเฟซบุ๊กว่า เป็นแบบจำลองของการควบคุมตนเองที่มีประสิทธิภาพ ย้ำอีกว่า เฟซบุ๊กทำการลงทุนครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย อ้างว่าจ้างพนักงาน 40,000 คนและใช้เงินเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ในด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในปี 2564 แต่ตัวเลขดังกล่าวต่างจากโฆษกของบริษัทที่ประกาศว่าลงทุนมากกว่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านการเร่งโปรโมทสินค้าใหม่ “Metaverse” ของเฟซบุ๊ก ฟรานเซส เฮาเกนที่ออกมาแฉกล่าวว่า ตัวเองตกใจกับขนาดการลงทุนของเฟซบุ๊กกับเมตาเวิร์สมาก
เธอบอกฝ่ายนิติบัญญัติของอังกฤษในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “ฉันรู้สึกตกใจที่ได้ยินว่า Facebook ต้องการลงทุนเพิ่ม Metaverse เป็นสองเท่า และพวกเขาจะจ้างวิศวกร 10,000 คนในยุโรปเพื่อทำงานเกี่ยวกับ metaverse” เธอกล่าวเสริมว่า “คุณรู้ไหมว่าเราจะทำอะไรกับความปลอดภัยได้บ้างถ้าเรามีวิศวกรมากกว่า 10,000 คน’ มันคงจะวิเศษมาก”
“ฉันเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของ Facebook เป็นอันตรายต่อเด็ก ทำให้ประชาธิปไตยของเราอ่อนแอ และอีกมากมาย” เธอย้ำกับคณะอนุกรรมการวุฒิสภาฯ(Senate Commerce) เรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค
หลังการให้การของเฮาเกน ฝ่ายนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักร เตรียมหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายความปลอดภัยออนไลน์เพื่อควบคุมโซเชียลมีเดียในเร็วๆนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้บริษัทโซเชียลมีเดียต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่เป็นอันตรายที่แชร์บนแพลตฟอร์มของตน ซึ่งนำไปสู่ค่าปรับครั้งใหญ่ในสหราชอาณาจักร หากไม่นำเนื้อหาออก เช่น การล่วงละเมิดทางเพศเด็กและเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้าย