หลังจากที่มีการเปิดเผยผลการจัดทำโพลสำรวจกระแสความนิยมของ ส.ส.พปชร.ทั่วประเทศ มีหลายเขตที่ได้ไม่ถึงเกณฑ์ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. ยืนยันว่าเป็นการสำรวจประเมินการ ทำงาน หาจุดอ่อนเพื่อนำมาปรับปรุงพรรคให้ดีขึ้น
โดยมีการอ้างรายงานข่าวว่า เรื่องโพลนี้ได้ทำการสำรวจ ส.ส.ของพรรคในภาคใต้ทุกจังหวัด จำนวน 14 คน และมีการอ้างว่ามีโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งกลับมาเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น และข่าวนี้สร้างความปั่นป่วนขึ้นมาพอสมควร โดยเฉพาะย่อมสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับบรรดาส.ส.ของภาคใต้ ที่ถูกมองว่าส่วนใหญ่ไม่มีผลงาน ไม่ได้รับความนิยม ไม่มีฐานเสียงของตัวเอง
แม้ว่าทางด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาและยังไม่มีการสั่งทำผลโพลสำรวจเพื่อวัดคะแนนความนิยมของพรรค หรือ ส.ส.ในพรรคแต่อย่างใด แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาภายในพรรคก่อนหน้านี้ หลังจากรายงานผลสำรวจดังกล่าวออกมา เช่น นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่แสดงออกในแบบไม่ใส่ใจ รวมทั้งยังแสดงความแปลกใจว่าทำไมถึงมีการเผยแพร่ออกไปข้างนอก หากเป็นเรื่องภายในพรรค
และในมุมตรงกันข้าม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กลับยอมรับเรื่องโพล ว่าเป็นการสำรวจเพื่อสำรวจความนิยม เป็นเหมือนกับการตรวจสอบว่าที่ผ่านมา ส.ส.ได้มีการลงพื้นที่มากน้อยแค่ไหนอีกด้วย และอีกด้านหนึ่งยังเป็นการกระตุ้นให้ส.ส. ได้ปิดจุดอ่อน ขยันลงพื้นที่มากขึ้นเพื่อให้เกิดผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย
ล่าสุดทางด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเผยถึงกระเเสการปรับโครงสร้างพรรค จะสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคได้หรือไม่ ว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีแนวนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง เพราะขณะนี้ผ่านมาแล้ว 2 ปี จากวาระงาน 4 ปี เปรียบเสมือนการเดินลงภูเขา จึงต้องเตรียมการตลอดเวลา ซึ่งการปรับโครงสร้างอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค ตนพูดไม่ได้ เพราะมีแค่เสียงเดียวจึงต้องดูแนวคิดของผู้ใหญ่ด้วยว่าเป็นอย่างไร และพวกเราก็เคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค ส่วนที่มีความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา จากปมความขัดแย้ง และวัดพลังกันหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า หลายพรรคการเมืองเขาก็ขยับ
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี เรียก 6 รัฐมนตรีพูดคุยวานนี้ จะมีการปรับ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคหรือไม่ นั้น นายสุชาติ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จึงไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง แต่การบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีทุกคนสังกัดพรรค ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ท่านจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่พูดถึงเรื่องงานที่เกี่ยวพันกับกระทรวงแรงงาน และเรื่องแฟลตดินแดง และคนตกงาน
เมื่อถามย้ำว่า พลังประชารัฐ กำลังจะแตกหรือไม่ นายสุชาติ ยืนยันว่า ไม่ ทุกคนมีความรักและศรัทธาในหัวหน้าพรรค พรรคการเมืองก็เป็นสถาบันทางการเมือง ที่บางครั้งการปรับเปลี่ยนอะไรที่ดีขึ้นเพื่อประเทศชาติ ซึ่งในอนาคตไม่มีอะไรจะอยู่คงที่ การปรับเปลี่ยนภายในพรรคพลังประชารัฐทุกครั้งก็ดีขึ้นมาโดยตลอด ปรับเปลี่ยนเพื่อหาจุดสมดุล ถ้าครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนอีก ก็คงไม่เกิดกระแสการวัดพลัง ส่วนภาพการลงพื้นที่ของนายกฯ และ พลเอก ประวิตร ที่แยกกันลงพื้นที่นั้น นายสุชาติ บอกว่า เป็นการออกไปช่วยเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่ใช่ออกไปในนามพรรคการเมือง แต่ไปในนามราชการ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พลเอก ประวิตร จะเดินทางออกจากกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ได้ปิดห้องคุยกับ พลเอกประวิตร นานครึ่งชั่วโมง ซึ่งนายสุชาติ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า พลเอ ประวิตร ชื่นชมทักษะของคนพิการ ที่ร่วมโครงการกับกระทรวงแรงงาน เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้พูดการเมือง หรือการให้มาช่วยงานในพรรคพลังประชารัฐ นายสุชาติ หัวเราะแล้วตอบว่า “ผมก็อยู่กับท่านอยู่แล้ว ” เมื่อถามย้ำว่าจะได้รับความวางใจ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคหรือไม่ นายสุชาติ ตอบพร้อมอาการเหนียมอายว่า “ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน”