อย่าพูดเอามัน!? “พิธา” อ้างจะทวงศักดิ์ศรีไทยบนเวทีโลก เจอกระแสตีกลับ ช่วยคืนความสงบสุขชาวดินแดงให้ได้ก่อน!

1522

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 64 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเรื่องบทบาทการต่างประเทศของไทยต่อประเด็นการสังหารประชาชนและการรัฐประหารในเมียนมา โดยระบุว่า รัฐบาล ไร้จุดยืน ไร้น้ำหนัก ไร้ราคา ในเรื่องเมียนมา หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทวงคืนศักดิ์ศรีการต่างประเทศไทย

เมื่อวานนี้ หรือวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ผมได้ร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์ด้านการต่างประเทศไทย ในงานเสวนา “ปรับยุทธศาสตร์เพิ่มพลังประเทศไทยในเวทีโลก” ในหัวข้อ “บทบาทการทูตและการต่างประเทศไทยในปัจจุบัน” จัดโดย มูลนิธิสุรินทร์ พิศสุวรรณ, สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ThaiPBS และ Asia News Network

ผมได้พูดถึงใจกลางของปัญหาการสูญเสียบทบาทของไทยในเวทีโลกว่า ไม่ใช่เพราะนักการทูตไทยไม่มีความสามารถ ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้กฎหมาย ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้ protocol แต่เป็นเพราะเราไม่มีผู้นำทางการเมืองที่มีกระดูกสันหลังที่จะสามารถยืนตัวตรงบนหลักการสากลของความถูกต้องบนเวทีโลก หรือสรุปสั้น ๆ ได้ว่า ‘เพราะเราไม่มีจุดยืน เราจึงไม่มีที่ยืนในเวทีโลก’

ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะทวงคืนศักดิ์ศรีของการต่างประเทศไทย โดยจะทำการทูตแบบยืนหลังตรงในเวทีโลก โดยสิ่งที่สามารถทำได้ในวันแรกหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลคือ จะเปลี่ยนท่าทีของไทยต่อเมียนมา กดดันเมียนมาให้ยอมเปิด humanitarian corridor ให้องค์กรระหว่างประเทศนำความช่วยเหลือเข้าไปในเมียนมาเพื่อช่วยผู้พลัดถิ่นในประเทศจากสงครามกว่า 7 แสนคน โดยไม่ผ่านรัฐบาลเมียนมา สิ่งที่ทำได้ในวันแรกยังรวมไปถึงการยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ เช่น ร่าง พ.ร.บ. NGO

“ต้องไม่มีอีกแล้วประเทศไทยที่ไม่แสดงจุดยืนอะไรเลย ตอนที่อาเซียนมีมติไม่เชิญผู้นำทหารเมียนมาเข้าร่วมประชุมเพราะไม่ทำตามฉันทามติ 5 ข้อ ต้องไม่มีอีกแล้วประเทศไทยที่ไม่ยอมโหวตในมติ non-binding หรือมติที่ไม่ได้มีความผูกพันทางกฎหมายด้วยซ้ำ ของสมัชชา UN เพื่อป้องกันการไหลเวียนของอาวุธเข้าเมียนมา และต้องไม่มีอีกแล้วครับ ประเทศไทยที่นายกรัฐมนตรีแอบไปพบรัฐมนตรีต่างประเทศที่เพิ่งขึ้นมาจากการรัฐประหารที่สนามบิน”


ล่าสุดทางด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุถึงการสูญเสียบทบาทของไทยในเวทีโลก ไม่ใช่เพราะนักการทูตไทยไม่มีความสามารถ ไม่ใช่เพราะไม่รู้กฎหมาย แต่เป็นเพราะไม่มีจุดยืนกรณีอาเซียนมีมติไม่เชิญผู้นำทหารเมียนมาร์เข้าร่วมประชุม เราจึงไม่มีที่ยืนในเวทีโลก ซึ่งหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะทวงคืนศักดิ์ศรีของการต่างประเทศไทย ว่า ก่อนจะทวงคืนศักดิ์ศรีการต่างประเทศของไทย นายพิธาควรทวงคืนความสงบสุขให้ชาวดินแดงก่อนจะดีกว่าหรือไม่ เพราะไม่เคยเห็นนายพิธาออกมาห้ามปรามหรือแสดงความเป็นห่วงประชาชนที่เขาได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมเลย

ทั้งนี้คนที่จะเป็นผู้นำประเทศต้องรู้จักการประนีประนอม ยิ่งในเวทีระดับโลกด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีวุฒิภาวะ แสดงความเห็นด้วยความระมัดระวังเหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดำเนินมาตลอด ไม่ใช่พูดเอามันส์ แต่ภาพลักษณ์ของประเทศจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แบบนั้นเรียกว่าใช้ไม่ได้ “ก่อนพูดเราเป็นนายตัวเราเอง แต่พอพูดไปแล้ว คำพูดจะกลายเป็นนายเรา ดังนั้น คำพูดของเราต้องมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ ไม่ใช่พูดไปแล้วถูกมองว่าไม่มีราคา แค่พูดเพื่อเกาะกระแสหรือเรียกคะแนนนิยม ถ้าวันนี้คุณพิธาอยากจะแสดงจุดยืน

ผมขอเรียกร้องให้คุณพิธาแสดงจุดยืนเป็นคนแรกในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลว่า หลังจากที่เราเปิดประเทศแล้ว นักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งนั้น คุณพิธาและ ส.ส.พรรคก้าวไกลจะคัดค้านการชุมนุม และการแสดงความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินราชการอย่างไร เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของประเทศต้องเสียหายไปเพราะฝีมือของคนเพียงกลุ่มเดียว ไม่อย่างนั้นคุณพิธาเองที่จะไม่มีที่ยืนในสายตาประชาชน”