กลายเป็นประเด็นร้อนให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมาก หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ซึ่งมีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯนายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ได้โพสต์แถลงการณ์เรื่อง ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
กิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว เป็นส่วนหนึ่งของขบวนพาเหรดในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยรูปแบบของขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวนั้นจำลองกระบวนแห่อย่างราชสำนัก ในกิจกรรมดังกล่าวจะมี “ผู้อัญเชิญพระเกี้ยว” ถือ “พระเกี้ยว” ที่เป็นสัญลักษณ์สูงสุดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั่งบนเสลี่ยงซึ่งถูกแบกโดยนิสิตกว่า 50 คน อีกทั้ง ผู้อัญเชิญซึ่งมาจากกลุ่ม CU Coronet ยังถือว่าเป็นตัวแทนของความเป็นจุฬาฯ ในกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลประเพณีและในกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์อื่น ๆ ต่อไป
ทว่า กิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวสนับสนุนและสะท้อนถึงระบอบอำนาจนิยม รวมถึงค้ำยันความเชื่อว่าคนไม่เท่ากัน รูปแบบกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวยังเป็นภาพแทนของวัฒนธรรมแบบศักดินาที่ยกกลุ่มคนหนึ่งสูงกว่าอีกกลุ่มหนึ่งพร้อมสัญลักษณ์ของศักดินาคือ “พระเกี้ยว” บนเสลี่ยง ในส่วนของกระบวนการคัดเลือกผู้อันเชิญฯ ยังเป็นที่กังขาถึงความโปร่งใส และยังมีข้อกังขาว่าเป็นการสนับสนุนความเป็นอภิสิทธิ์ชนผ่านค่านิยมมาตรฐานความงามแบบใดแบบหนึ่งในสังคม นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการใช้อำนาจในการบังคับให้คนต้องมาแบกเสลี่ยง ดังที่เห็นจากกระบวนการหานิสิตหอในเพื่อมาแบกเสลี่ยงเข้าสนามนั้นมีการบังคับผ่านการอ้างว่าจะมีผลต่อคะแนนการคัดเลือกให้มีสิทธิอยู่ในหอพัก
คณะกรรมการบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงเห็นว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ล้าหลังอันขัดต่อคุณค่าสากลอย่างประชาธิปไตย ความเท่าเทียม และสิทธิมนุษยชน จากมติในวาระการประชุมสามัญครั้งที่ 1/2564 ของคณะกรรมการบริหารฯ มีมติ 29 : 0 เสียง เห็นควรให้มีการยกเลิกกิจกรรมการคัดเลือกผู้อัญเชิญพระ-เกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ เพื่อยุติการผลิตซ้ำธรรมเนียมปฏิบัติที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมมิให้คงอยู่ในสถาบันการศึกษาอีกต่อไป
ให้คนเท่ากัน คณะกรรมการบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงวันที่ 23 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ที่ผ่านมา นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ เคยออกมาต่อต้านและขอให้เลิกบังคับใส่ชุดนิสิต หนุนให้นักศึกษาไม่รับปริญญา โจมตีความหลังร่วมเมื่อครั้งที่มีเหล่านิสิตไปร่วมกับม็อบกปปส. โดยทุกครั้งจะถูกวิจารณ์อย่างหนัก จากรุ่นพี่จุฬาฯและเด็กเก่า ว่าไม่เหมาะสม เป็นการทำลายระเบียบอันดีงาม
อย่างไรก็ตามในโลกออนไลน์ตอนนี้ ได้มีการกล่าวถึงประเด็น ปลุกยกเลิกขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ที่องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯอ้างว่าล้าหลังนั้น เช่น อนาถใจกับ #คนรุ่นหลัง อย่างพวกมึงจริง ๆ นี่ดีนะที่กูไม่นับรุ่นพี่รุ่นน้องกับใครที่จุฬาฯ แต่ยังไงกูก็ภูมิใจที่ได้เรียนที่นั่น เรียกว่าไม่เสียชาติเกิด , องค์การฯนิสิตจุฬา แถลงการณ์ “ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว” ชี้ เป็นกิจกรรมที่ล้าหลัง #พระเกี้ยว เปรียบได้กับ #พระมหาพิชัยมงกุฎ ของพระมหากษัตริย์ พวกมึงกล้าดียังไงไปด้อยค่าพระเกี้ยว อีกหน่อยคงเหิมเกริมขนาดรณณรงค์ให้เปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัย
ปีนี้ยกเลิกอัญเชิญพระเกี้ยว ปีต่อไป ไม่เปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนชื่อมหาลัยเลยดีมั้ย อีกทั้งยังมีหลายคอมเม้นต์ย้อนถามองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ ด้วยว่า ปัญญาชน ควรคิดได้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เขาถึงเรียกว่าปัญญาชน