เกิดอะไรขึ้นกับอังกฤษ ปัญหาขาดแคลนหมอ-พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ส่อวิกฤติระบบสุขภาพและการรับมือกับโควิด-19 ระบาดรอบใหม่กำลังมา ท่ามกลางการป่วยติดโควิดพุ่งกว่าวันละเกือบ 5 หมื่นราย เพิ่มขึ้น 17.9% ใน 1 สัปดาห์ แต่ดูเหมือนนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ยังเฉื่อยชา ทั้งที่หน่วยงานสาธารณสุขและที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ทำหนังสือเตือนอย่างเคร่งเครียด
สถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2564 รายงานที่เผยแพร่โดย หน่วยงานอิสระ Care Quality Commission (CQC) ได้สรุปว่า บุคลากรด้านสุขภาพและการดูแลผู้ป่วย “หมดแรงและหมดลง”ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับมือกับการระบาดระลอกใหม่
ข้อมูลเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว CQC อ้างว่าอัตราตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายเดือนจาก 6% ในเดือนเมษายนเป็น 10.2% ในเดือนกันยายน การสรรหาบุคลากรล้มเหลว ในขณะที่รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่าจะอุดหนุนเงินจำนวน 5.4 พันล้านปอนด์ (7.46 พันล้านดอลลาร์) แต่ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด
เอียน เทรนโฮล์ม(Ian Trenholm) ผู้บริหารระดับสูงของ CQC (Ian Trenholm, the CQC’s chief executive) กล่าวว่า”ความไม่มีเสถียรภาพที่มากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิขาดแคลนแรงงานสาธารณสุข กระทบต่อระบบสุขภาพและการดูแลที่กว้างขึ้น เสี่ยงต่อการกลายเป็นคลื่นยักษ์สึนามิจากความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองในทุกภาคส่วน โดยมีคนจำนวนมากขึ้นที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ “
ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดเข้าโรงพยาบาลจะไม่ได้เพิ่มขึ้นพรวดพราดเหมือนเมื่อปีก่อน แต่โรงพยาบาลต่างๆ ก็เริ่มกลับมาแบกรับแรงกดดันจากจำนวนผู้ป่วยที่สูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนางดีปตี กูร์ดาซานี นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัย ควีน แมรี ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ นี่เป็นผลจากการเปิดทุกอย่างทั้งหมด และอะไรๆ จะเลวร้ายลงเมื่อฤดูหนาวมาถึง
นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร ยอมรับในวันพุธที่ผ่านมราว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอาจพุ่งทะลุ 100,000 รายก่อนถึงวันคริสต์มาส
กิลเลียน คีแกน ที่ปรึกษาด้านสาธารสุขของอังกฤษ (Gillian Keegan:The UK’s care minister) กล่าวถึงข้อกังวลของ CQC โดยเน้นว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและจัดหางานจำนวน 162.5 ล้านปอนด์ (224.42 ล้านดอลลาร์) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานแล้ว
กลุ่มที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์สำหรับเหตุฉุกเฉิน (SAGE) ออกคำแนะนำกระตุ้นให้รัฐบาลดำเนินการตั้งแต่เนิ่นๆในการต่อสู้กับการระบาดโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นไว้ในรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2564 ระบุว่า“ควรมีการนำมาตรการเข้มงวดกลับมาใช้ใหม่ในขณะนี้เพื่อจัดการกับจำนวนเคสที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว”
ด้านสมาคมการแพทย์แห่งบริติช (BMA) ซึ่งเป็นตัวแทนของแพทย์ในสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์กล่าวหารัฐบาลว่ากำลัง “จงใจเพิกเฉย” ไม่ใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 “รัฐบาลเวสต์มินสเตอร์บอกว่า พวกเขาจะใช้แผนบี เพื่อป้องกัน NHS จากการรับมือคนไข้จำนวนมากไม่ไหว แต่ในฐานะแพทย์ที่ทำงานในแนวหน้า เราบอกได้เลยว่าเวลานั้น คือตอนนี้ต้องทำเลยจะรออะไรอยู่”
นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ยืนกรานปฏิเสธการเรียกร้องให้ล็อกดาวน์ในช่วงฤดูหนาวและย้ำว่าในขณะนี้ ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องมีการกลับมาล็อกดาวน์แต่อย่างใด” ด้านกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษระบุว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 52,000 รายในวันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม 2564