เมื่อปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯประกาศปกป้องไต้หวันหากถูกจีนบุกและโอ้อวดว่ากองทัพสหรัฐฯ แข็งแกร่งที่สุดในโลก เรียกเสียงฮือฮา เกิดกระแสหวั่นวิตกเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นมาทันที ปฏิกิริยาตอบสนองกับเรื่องนี้มีหลายแบบ แน่นอนสำหรับจีน ย่อมออกมาคัดค้านตอบโต้ ฝั่งไต้หวันที่สหรัฐหนุนอยู่เบื้องหลังก็ปลื้มปลิ่มดีใจว่าลูกพี่คุ้มครองแน่ ส่วนกองเชียร์ก็ฮือฮาว่าสหรัฐเอาจริง แต่ความจริงเบื้องหลังของสงครามไต้หวันอาจไม่ใช่อย่างที่ปธน.ไช่ อิงเหวินแห่งไต้หวันอยากให้เป็น เพราะก่อนหน้าที่ไบเดนให้สัมภาษณ์ไม่กี่วัน อดีตข่าวกรองนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ออกมาแฉว่า การปกป้องไต้หวันเป็นเรื่องไร้เหตุผล เพราะกองทัพสหรัฐไม่มีเงิน และไม่มีกำลังพลพอที่จะทำอย่างนั้น เนื่องจากสหรัฐต้องส่งทหารไปประจำการในหลายฐานทัพทั่วโลกแม้จะถอนจากตะวันออกกลางมาแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม โลกยังคงต้องระทึกใจกับปัญหาไต้หวัน ที่สหรัฐใช้เป็นหมุดหมายกดดันจีน ซึ่งอาจลุกลามเป็นสงครามใหญ่ในอนาคตอันใกล้ อาการปากกล้าขาสั่นของสหรัฐนั้นประมาทไม่ได้ เพราะสหรัฐฯได้กล่อมพันธมิตรตะวันตกมารวมหมู่ต้านจีนและรัสเซียอย่างเอาจริงเอาจัง
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2564 ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้สัมภาษณ์ระหว่างร่วมรายการสดของสำนักข่าว CNN ว่า สหรัฐพร้อมจะปกป้องไต้หวันจากการโจมตีของจีน ซึ่งเป็นความเห็นที่ค่อนข้างชัดเจนผิดกับท่าทีก่อนหน้านี้ของสหรัฐที่ดำเนินนโยบายสตราติจิก แอมบิกิตี (strategic ambiguity) หรือความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ คือการไม่แสดงเจตนารมย์จะปกป้องไต้หวันอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ยังให้การสนับสนุนที่เพื่อป้องปรามการรวมชาติจากจีน ด้วยการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ตามที่ไต้หวันต้องการ ได้กำไรฝ่ายเดียว
เมื่อไบเดนประกาศปกป้องไต้หวัน ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายในฝั่งจีนเชื่อว่าคำพูดของ ปธน.ไบเดนไม่ควรถูกมองว่า เป็นแค่การหลุดปากหรือเป็นอุบัติเหตุ จีนจำเป็นต้องกระชับการสื่อสารกับสหรัฐฯ ในด้านการเจรจาต่อรอง และในด้านการทหารจีนควรเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการแทรกแซงทางยุทธวิธีจากสหรัฐฯ
แต่อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐเองได้เปิดเผยกับสำนักข่าวโกลบอลไทมส์ถึงความจริงเบื้องหลังที่น่าสนใจว่า สหรัฐฯไม่สามารถปกป้องเกาะไต้หวันได้
สก็อตต์ ริตเตอร์ ( ริตเตอร์ ) อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของหน่วยข่าวกรองนาวิกโยธินสหรัฐฯกล่าวว่าไม่สมเหตุสมผลที่สหรัฐฯ จะพยายามปกป้องเกาะแห่งนี้ เนื่องจากเป็นแนวคิดที่จะทำให้พ่ายแพ้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ริตเตอร์ได้ตีพิมพ์บทความวิจารณ์หลายเรื่องที่สหรัฐฯ ปกป้องไต้หวัน เขาเชื่อว่าคำพูดของนักการเมืองในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลียเกี่ยวกับการปกป้องไต้หวันนั้นไร้ความหมาย เหตุใดกองทัพสหรัฐจึงไม่สามารถปกป้องเกาะไต้หวันได้? เกาะแห่งนี้ควรมีความคาดหวังต่อข้อผูกพันของสหรัฐฯ อย่างไร?
ริตเตอร์กล่าวว่า “ฉันหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากชาวอเมริกันมากขึ้น และมันจะเป็นคำเตือนสำหรับผู้ที่สนับสนุนการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนแผ่นดินใหญ่ในประเด็นไต้หวัน”
ประการแรก จุดประสงค์ในการติดอาวุธให้ไต้หวันไม่ใช่เพื่อให้ไต้หวันชนะสงครามกับจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะมันไม่มีวันชนะสงครามกับจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่มีการเปรียบเทียบระหว่างความสามารถทางทหารระหว่างไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่อย่างแท้จริง พวกเขาจะถูกทำลาย และนั่นคือความจริง ทหารจีนเป็นทหารมืออาชีพมาก เป็นกองทัพที่ใหญ่มาก เป็นทหารที่มีความสามารถมาก และพวกเขามีความชำนาญในการเคลื่อนย้ายกองทหารผ่านช่องแคบไต้หวันได้อย่างรวดเร็ว
ประการที่สอง ถ้าจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มปฏิบัติการทางทหารกับไต้หวัน มันจะเป็นสงครามที่ออกแบบมาให้ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าสหรัฐฯไม่มีโอกาสที่จะปกป้องไต้หวันตามความเป็นจริง สหรัฐฯไม่มีแผนจะเสริมกำลังไต้หวัน แต่ถ้ามี ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 90 วัน ฉันไม่คิดว่าสงครามจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันจะใช้เวลา 90 วัน ซึ่งหมายความว่าเมื่อถึงเวลาที่สหรัฐฯ พร้อมที่จะเสริมกำลังไต้หวัน สงครามก็จบลง สหรัฐก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน
สิ่งเดียวที่เราสามารถแบกรับได้คืออาวุธนิวเคลียร์ นั่นคือความวิกลจริต ฉันไม่คิดว่าสหรัฐฯ จะยอมเสียสละตัวเองในโลกเพื่อปกป้องไต้หวัน
ประการที่สาม นักการเมืองและศูนย์อุตสาหกรรมการทหารของสหรัฐฯ มีส่วนผลักดันท่าทีแข็งกร้างของปธน.ไบเดน ศูนย์อุตสาหกรรมการทหารกำลังผลักดันให้สหรัฐฯมีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นในอินโดแปซิฟิก แต่ตอนนี้เราต้องจัดการกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ เราจะจ่ายอย่างไรสำหรับการสะสมอำนาจทางทหารในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของอเมริกากำลังระส่ำระสาย จะเอางบประมาณจากไหนมาทุ่มสร้างกองทัพมหึมา สหรัฐฯไม่มีเงินหลายล้านล้านเหรียญเพื่อมาสร้างกองทัพใช้เผชิญหน้ากับจีน
ริตเตอร์สรุปว่า ไต้หวันควรศึกษากรณีอาฟกานิสถาน ถ้าไต้หวันคาดหวังความช่วยเหลือจากอเมริกา และอเมริกาบอกว่าจะให้ความช่วยเหลือนี้ แต่ถ้าเกิดความขัดแย้ง ความช่วยเหลือจากอเมริกาก็จะไม่มา รัฐบาลไต้หวันและกองทัพของพวกเขาจะล่มสลายทันที เพราะความพ่ายแพ้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้