เมื่อวานนี้ที่ประชุมครม. ได้อนุมัติงบเพิ่มวงเงิน 4 โครงการ ผ่าน “คนละครึ่ง เฟส 3” เตรียมรับอีกคนละ 1,500 บาท “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-กลุ่มเปราะบาง” ได้เพิ่มอีก 300 บาท 2 เดือน พร้อมปรับวงเงินคำนวณ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เพื่อให้ประชาชนได้ใช้จับจ่ายก่อนสิ้นปี
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คณะกรรมการฯ) ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2564 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564
ทั้งนี้ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณ จำนวน 54,506 ล้านบาท สำหรับโครงการมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ 4 โครงการ ได้แก่
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3
-ช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าจากเดิม 200 บาท เพิ่มเติมอีกจำนวน 300 บาท รวมเป็น 500 บาท ต่อคนต่อเดือน
-ระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2564
-กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 13.6 ล้านคน
–วงเงินประมาณ 8,122 ล้านบาท
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
-ช่วยเหลือค่าซื้อสินค้า จากเดิม 200 บาท เพิ่มเติมอีกจำนวน 300 บาท รวมเป็น 500 บาท ต่อคนต่อเดือน
-ระยะเวลา 2 เดือน (เดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564)
-กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ที่ไม่สามารถ เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต กลุ่มผู้สูงอายุ พิการ ทุพพลภาพ ป่วยติดเตียง ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จ จำนวนประมาณ 2.3 ล้านคน
–วงเงินประมาณ 1,384 ล้านบาท
- โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3
-เดิมรัฐให้ 3,000 บาท วันนี้สนับสนุนเพิ่มเติมอีก 1,500 บาท รวมเป็น 4,500 บาท
-ใช้สิทธิได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าสิทธิจะเต็ม
–วงเงินรวม 42,000 ล้านบาท
- โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
-เดิมวงเงินที่คำนวณเป็น e-voucher ได้ ที่ 60,000 บาท voucher รวมได้คนละไม่เกิน 7,000 บาท แต่ตอนนี้ ครม. ปรับเพิ่มวงเงินที่คำนวณได้เป็น 80,000 บาท e-voucher ต่อคนจะได้รวมเป็นไม่เกิน 10,000 บาท ระยะเวลาในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 ดังนี้
–กรอบวงเงิน 3,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา จากข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2564 มีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง 4 โครงการรวมกว่า 40.04 ล้านราย ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด 114,819.9 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้คือ
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรฯ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 13.54 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 10,515.1 ล้านบาท
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวนกว่า 1.21 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 770.5 ล้านบาท
- โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 25.21 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิ 27.7 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 100,734.3 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 51,195.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 49,539.0 ล้านบาท
- โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 82,872 ราย จากผู้ได้รับสิทธิกว่า 4.78 แสนราย โดยเป็นยอดการใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 2,663 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายส่วน e-Voucher สะสม 137 ล้านบาท
ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ยังสามารถลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ของทุกวัน ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จนกว่าจะครบ 28 ล้านสิทธิ ซึ่งยังมีสิทธิเหลือกว่า 2 แสนสิทธิ
สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จนกว่าจะครบ 1 ล้านสิทธิ ซึ่งยังมีสิทธิคงเหลือกว่า 5.2 แสนสิทธิ
ทุกมาตรการ ที่เกิดขึ้น เป็นไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัว และเป็นการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการให้ลุกขึ้นได้ โดยการอนุมัติงบของ ครม. ครั้งนี้จะทำให้ กรอบวงเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ คงเหลือทั้งสิ้นรวม 262,485.0671 ล้านบาท