“บรรณารักษ์สาวกทม.” ถูกแจ้งม.112 ที่สภ.สุไหงโก-ลก! อ้างโดนแกล้ง แต่พบแชร์โพสต์หมิ่นสถาบันฯซ้ำถึง 6 ครั้ง

2928

“บรรณารักษ์สาวกทม.” ถูกแจ้งม.112 ที่สภ.สุไหงโก-ลก! อ้างโดนแกล้ง แต่พบแชร์โพสต์หมิ่นสถาบันฯซ้ำถึง 6 ครั้ง

จากกรณีที่เมื่อวัน 15 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า บรรณารักษ์ห้องสมุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อายุ 31 ปี เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ที่สถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก โดยถูกกล่าวหาว่าแชร์โพสต์ในทำนองหมิ่นประมาทกษัตริย์ จำนวน 6 โพสต์ โดยนายพสิษฐ์ จันทร์หัวโทน เป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้

ในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาระบุพฤติการณ์ในคดีว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 22.30 น. นายพสิษฐ์ จันทร์หัวโทน พบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์ข้อความและเขียนข้อความประกอบในทํานองก้าวล่วงสถาบัน จำนวน 6 โพสต์

ต่อมา นายพสิษฐ์ ได้ทำการตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวมีภารดีเป็นเจ้าของบัญชี จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดําเนินคดีกับบรรณารักษ์สาวที่ สภ.สุไหงโก-ลก จากนั้น พนักงานสอบสวนได้ส่งบัญชีเฟซบุ๊ก ที่พสิษฐ์อ้างว่าภารดีเป็นเจ้าของไปตรวจสอบยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ตรวจสอบแล้วพบว่าบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวยังเปิดใช้งานอยู่

พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับภารดีใน 2 ข้อหา ได้แก่ มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) หลังพนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ภารดีให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. พนักงานสอบสวนได้ยื่นขอฝากขังภารดีแบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ต่อศาลจังหวัดนราธิวาส โดยอ้างเหตุผลว่า เป็นคดีที่อัตราโทษสูงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี แม้ผู้ต้องหาจะเดินทางมาพบตามหมายเรียกก็ตาม จากนั้นทนายความจึงได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวภารดี ด้วยวงเงินประกันจำนวน 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ และศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวตามคำร้อง โดยให้วางหลักประกันเป็นเงินสด 150,000 บาท

หลังจากได้รับการประกันตัว บรรณารักษ์สาวได้เปิดเผยว่า หากผู้บังคับบัญชาที่เธอทำงานเป็นบรรณารักษ์อยู่ทราบเรื่องนี้ อาจจะถูกเรียกตัวไปตักเตือนหรือร้ายแรงที่สุดอาจมีคำสั่งให้ออกจากงานก็เป็นได้ พร้อมกับกล่าวว่า “ไม่มีใครควรเจอกับเรื่องแบบนี้อีก เหมือนเขากลั่นแกล้งเรา มันตลกตรงที่บ้านเมืองเรานิยามว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่มีกฎหมายเพื่อคุ้มครองคนคนเดียว ห้ามถาม ห้ามสงสัย ห้ามวิจารณ์ ทั้งๆ ที่ประชาธิปไตยคือกฎหมายที่ต้องคุ้มครองทุกคน”

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังระบุว่า นายพสิษฐ์ จันทร์หัวโทน ได้เป็นผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อประชาชนอีกอย่างน้อย 20 ราย ที่สถานีตำรวจนี้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้มีการทยอยออกหมายเรียกและดำเนินคดีไปแล้วอย่างน้อย 6 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงคดีของสาวพนักงานรับจ้างอิสระในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.สุไหงโก-ลก ก่อนหน้าภารดีเพียง 1 วัน