Truthforyou

2 แกนนำนปช.ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.10 พระราชทานอภัยโทษ

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2563 ซึ่งทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน ได้มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ให้ปล่อยตัว 401 คน โดยในนี้มี 2 แกนนำนปช. ได้รับการปล่อยตัวด้วย

คือ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ที่ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน ในคดีร่วมชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 และ นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ในคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2552

โดยผู้ต้องขังทั้งสอง ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ตามมาตรา 6 (1) บัญญัติว่า ผู้ต้องโทษจำคุก ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินหนึ่งปี และ (2) (จ) บัญญัติว่า เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินสามปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หรือเป็นคนมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป

ทั้งนี้ผู้ต้องขังจะที่เตรียมการปล่อยตัวจะต้องทยอยเข้ารับการอบรมเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ในโครงการโคกหนองนา เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งในวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ปล่อยตัวไปรอบแรกซึ่งมี นพ.เหวง โตจิราการ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และ นายวรชัย เหมะ

โดยทางด้านนายวิภูแถลง กล่าวภายหลังพ้นเรือนจำว่า ซาบซึ้งใน พระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 10 ส่วนสาเหตุ ที่ออกมาช้าเพราะต้องอบรมโครงการโคกหนองนา เพราะเป็นเรื่องที่ดีส่วนเรื่องทัศนคติทางการเมืองยังคงชัดเจนเช่นเดิมอำนาจประชาธิปไตยต้องเป็นของคนไทย และ รัฐบาลจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเพื่อเดินหน้าทางการเมือง ซึ่งการเมืองทุกวันนี้เดินทางมาไกลกว่าคำว่าเสื้อเหลือง-เสื้อแดงแล้ว แต่จะต้องเป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่

ขณะที่นายพายัพ ระบุว่า ส่วนตัวเข้าคุกมาหลายรอบแล้ว แต่ในเรื่องของอุดมการณ์ก็ยังมั่นคงและชัดเจนเช่นเดิม ยอมรับว่า ปัจจุบันการเมืองเป็นหน้าที่ของรุ่นลูก รุ่นหลานที่จะต้องกำหนดอนาคตของประเทศแล้ว ขอให้คนรุ่นใหม่เดินหน้าประชาธิปไตยในทางที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก ยูดีดีนิวส์ – UDD news ว่ามีข่าวดีคือ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ซึ่งถูกตัดสินจำคุกในคดีการชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อปี 2550 และนายพายัพ ปั้นเกตุ ซึ่งถูกตัดสินจำคุกในคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2552 โดยทั้งนายวิภูแถลงและนายพายัพ ได้ผ่านการอบรมโครงการ โคก-หนอง-นา เรียบร้อยแล้วและจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในวันเสาร์ที่ 3 ต.ค. 63 นี้ ระหว่างเวลา 09.00 – 11.00 น.

นางธิดา กล่าวด้วยว่าสำหรับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั้นยังคงอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิถูกเบิกตัวจากเรือนจำฯ เพื่อขึ้นศาลตามนัดสืบพยานคดีการชุมนุมทางการเมืองปี 2552 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดังนั้นเมื่อกลับเข้าเรือนจำจึงต้องมีการกักตัวในสถานการณ์โควิดเป็นเวลา 14 วัน หลังจากกักตัวครบกำหนดแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งว่าจะได้เข้าเยี่ยมนายณัฐวุฒิครั้งต่อไปในวันไหน

Exit mobile version