เบื่อม็อบ!? ปชช.สุดทนแล้ว จี้ผู้ชุมนุมหยุดป่วน ก่อนเปิดประเทศ เกรงธุรกิจย่ำแย่!

1592

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงเตรียมเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย. 64 นี้ โดยนายกฯยังได้ขอความร่วมมือประชาชน ให้สามารถกลับมาทำมาหากิน รวมทั้งมาตรการที่ออกในวันนี้ จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมาประเทศไทย ซึ่งในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะนำร่องนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบโดสจาก 10 ประเทศเข้าไทยได้ไม่ต้องกักตัว

แม้ว่าการแถลงเปิดประเทศจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่มาก แต่อีกมุมหนึ่ง ก็มีประชาชนดีใจ และอยากกลับมาทำมาหากินอีกครั้ง เพราะในเดือนหน้า จะใกล้ถึงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาในประเทศจำนวนมาก

ขณะที่ในโลกโซเชียล ก็เริ่มมีเสียงถามถึงการเปิดประเทศ แต่ไม่อยากให้มีม็อบมาป่วน เพราะจะทำให้ต่างชาติไม่อยากมาเที่ยว โดยในเพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 ได้โพสต์ข้อความประเด็นที่น่าสนใจว่า ที่สำคัญ​ รัฐต้องจัดการอย่าให้ม็อบมากวนใจคนทำมาหากินและนักท่องเที่ยว ทำให้มีคอมเม้นต์ตามมาด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปราบม็อบให้จบก่อนเปิดประเทศ ต่างชาติเขาชอบเที่ยวไทย ชอบกินอาหารไทย ไทยเราก็โดดเด่นเรื่องการเที่ยวหลายเรื่อง แต่ต้องระวังเรื่องม็อบ ที่จะทำลายบรรยากาศการเดินทางและท่องเที่ยว

ทั้งนี้เมื่อย้อนไปผลสำรวจของ ซูเปอร์โพล เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา จะพบว่า ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ความหวังและการบั่นทอนใจในสถานการณ์โควิด-19 กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,104 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.3 เริ่มมีความหวังต่อการเปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ในขณะที่ร้อยละ 30.7 ไม่มีความหวัง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.4 รับรู้ เข้าใจและพอใจผลงานรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตให้เริ่มดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 31.6 ยังไม่พอใจ

และที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.9 ระบุม็อบขัดขวางการทำมาหากินของผู้อื่นที่บริสุทธิ์ ก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้สัญจรและผู้พักอาศัยในพื้นที่, ร้อยละ 94.4 รับรู้ข่าวม็อบรุนแรงรายวันที่ใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือ, ร้อยละ 94.2 ระบุต้องการให้ตำรวจเอาจริง เด็ดขาดทางกฎหมายกับแกนนำ กลุ่มผู้สนับสนุน ผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด, ร้อยละ 93.7 ระบุ ผู้ปกครองและสังคมต้องไม่ปล่อยให้เยาวชนถูกปั่นหลอกใช้ซ้ำซากจนเกิดการเผชิญหน้า ขยายสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมเหมือนในอดีต, ร้อยละ 93.3 ระบุม็อบที่ใช้ความรุนแรงเป็นการก่ออาชญากรรม เกินเลยการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย, ร้อยละ 93.2 ระบุ มีแกนนำและกลุ่มผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังรู้เห็นเป็นใจใช้ความรุนแรงถ่อยเถื่อน หยาบคายทำลายทรัพย์สินสาธารณะจากเงินภาษีของประชาชน และร้อยละ 92.9 ระบุไม่เห็นประโยชน์ของม็อบ ที่ใช้ความรุนแรง ขาดอุดมการณ์ ล้ำเส้นสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทำลายภาษีของประชาชน สร้างความเดือดร้อน เบียดเบียนผู้อื่น

อย่างไรก็ตามรายละเอียดจากผลโพลยิ่งตอกย้ำว่า ประชาชนต้องการให้ม็อบทุกกลุ่มเลิกชุมนุม และยิ่งใกล้จะเปิดประเทศ ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองไม่สงบ นอกจากนี้เสียงในโซเชียลยังหนุนด้วยว่า ให้เจ้าหน้าที่จัดการอย่างเด็ดขาด เพราะหากเปิดประเทศ แล้วมีการชุมนุม มีการประทะ จะทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวดูไม่ดี และยิ่งเป็นช่วงเปิดประเทศ หลาย ๆ ธุรกิจต่างหวังจะทำมาค้าขายแบบราบรื่น คงไม่อยากให้มีเรื่องม็อบเข้ามาบั่นทอนการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติแน่นอน