จากที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐานในคดีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ในการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 นั้น
โดยช่วงหนึ่งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เผยแพร่เหตุการณ์ในห้องพิจารณาคดี ไว้ ซึ่งขอนำมาเปิดเผยบางช่วงที่น่าสนว่า โจเซฟ (นามสมมติ) หนึ่งในจำเลยคดีนี้ได้ลุกยืนฝากข้อความนี้ถึงอธิบดีศาลและคณะผู้บริหารศาล ซึ่งอานนท์ นำภา และ เบนจา อะปัญ สองคนไม่ได้ประกันตัวภายใต้ศาลแห่งนี้เท่ากับว่าศาลได้ตัดสินพวกเขาไปแล้วว่ามีความผิด
สำหรับเบนจา นั้นศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อหาที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหานั้นมีอัตราโทษสูงอีกทั้งผู้ต้องหาได้กระทำความผิดในลักษณะคล้ายเดิม โดยการปราศรัยอันมีถ้อยคำที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ต้องหาได้เคยรับการอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวในข้อหาดังกล่าวและมีเงื่อนไขว่าห้ามมิให้กระทำการใดที่ให้เป็นการเสื่อมเสียและห้ามเข้ากิจกรรมใดที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งหากอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น และก่อให้เกิดการเสียหายและเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบแล้ว ศาลจึงยกคำร้อง
ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความว่า เบนจา อะปัญ ผู้ต้องหา ม.112 รายล่าสุดที่ไม่ได้ประกัน รวมผู้ต้องขังทางการเมืองพุ่งเป็น 20 ราย เช่น พริษฐ์ ชิวารักษ์ หลังถูกศาลอาญาเพิกถอนประกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 แม้จะพยายามยื่นประกันตัวในคดีนี้อีกครั้ง แต่ศาลอาญายังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัว
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ถูกคุมขังจากกรณีการถูกถอนการประกันตัว นายอานนท์ นำภา ข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64
ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกคุมขังอีกครั้งหลังเพิ่งได้รับการปล่อยตัวในคดีชุมนุมหน้า บก.ตชด.ภาค 1 หลังเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 64 ถูกสั่งฟ้องคดีตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เหตุโพสต์จดหมายในกิจกรรม “ราษฎรสาส์น” เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 63 ก่อนศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
เบนจา อะปัญ ถูกจับกุมตามหมายจับ เมื่อวันที่ 7 ก.ย 64 จากเหตุปราศรัยที่หน้าตึกชิโนไทย ร่วมกับกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก ใน #คาร์ม็อบ10สิงหาไล่ทรราช เบนจาถูกแจ้งข้อหาในคดีตามมาตรา 112 และ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ
ล่าสุดวันนี้ 15 ตุลาคม 2564 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงการถูกดำเนินคดีของแกนนำผู้ชุมนุมว่า
“อย่าร้อง, แกนนำสามนิ้วถูกกรรมตามทัน โดนคดีคนละหลายคดีถ้วนหน้า ได้ประกันตัวบ้าง ไม่ได้ประกันตัวบ้าง กฎหมายไม่ได้จำกัดสิทธิ แต่การใช้เสรีภาพต้องมีขอบเขตตามที่กฎหมายกำหนด
ม.112 มีมาก่อนพวกคุณเกิด บัญญัติไว้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มิให้ถูกล่วงละเมิด แต่มีคนบางกลุ่มอยากลองดี ต้องเดินหน้าไปว่ากันในศาล
การนำเอาสถาบันที่คนทั้งประเทศรักและหวงแหนมาเล่น เพื่อหวังจุดไฟในนาคร ให้รัฐใช้ความรุนแรงในการปราบปราม เพื่อเป็นข้ออ้างให้ต่างชาติเข้าแทรกแซง หมากกลนี้ตื้นเขินไป อย่าตั้งความหวังกับต่างชาติสูงเกินไป ทิ้งมิตรร่วมรบมามากต่อมากแล้ว มีแต่คนโง่เท่านั้นที่หลงคารมฝรั่งต่างชาติ
บางคนโม้ว่าต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า ตราบใดที่คนในพรรคยังพูดจาคลุมเครือ อธิบายไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย หลอกได้แต่เด็กอมมือ ฝันกลางฤดูฝน ไปไม่เป็นแน่นอน”
ทั้งนี้เมื่อข้อความดังกล่าวได้เผยแพร่ออกมาสู่โลกโซเชียลฯ ก็ปรากฏว่า มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย โดยมีความเห็นด้วยว่าเด็กจำนวนหนึ่งกำลังถูกผู้ใหญ่หลอกใช้ อาทิ
แต่คิดว่าพวกนี้ยากคะที่จะสำนึกดูอย่างนายณัฐวุฒิและจตุพร ยังเห็นเรื่องติดคุกเป็นเรื่องธรรมดา
พรรคเฮงซว… สส.ก็เฮงซว…
ใช้เด็กเป็นเครื่องมือมันน่าเกลียดกว่าซุกหัวในผ้าถุงอีกครับ
จริงค่ะอาจารย์
ทุกครั้งที่พวกนี้ออกมา ก็จะล้อเลียนสถาบันฯ ประจำ ไม่ก็หมิ่นจาบจ้วง ชีวิตจบที่คุกแน่นอนค่ะ
ที่ทำมาทั้งหมดเห็นได้ชัดเขาพยายามใช้ฮ่องกงโมเดลค่ะ
คนอยู่เบื้องหลังสบาย แถวหน้าก็รับกรรมไปค่ะติดคุกแน่ๆ สะสมหลายคดี
คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อคนฉลาดโดยเฉพาะเด็ก
พวกหลอกเด็กจะต้องได้รับกรรมชั้นลูกหลานเขาแน่
ขอให้กรรมทำงานมากๆค่ะ
มืดบอด และ แสนโง่