ภายหลังนายกฯ ส่งสัญญาณเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ฟันเฟืองสำคัญตัวหนึ่งคงหนีไม่พ้น “ภาคการท่องเที่ยว” ที่ถือเป็นความหวังสำคัญของรัฐบาล ในการติดเครื่องเดินหน้าตามแผนสร้างความเชื่อมั่น กอบกู้เครดิต และกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ให้กลับมาฟื้นมีลมหายใจอีกครั้ง
แวดวงการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน ต่างคึกคักเตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ ตั้งเป้าชิงนักท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ และไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ททท.พร้อมโปรโมตเที่ยวไทย จัดงานใหญ่เคาต์ดาวน์ภูเก็ต ดันเป็นอีเวนต์ระดับโลก สำหรับกรณีท่านนายกฯบอกเปิด 10 ประเทศเสี่ยงต่ำเป็นลำดับไปนั้น ฝ่ายการท่องเที่ยวขอศบค.เพิ่มเป็น 21 ประเทศที่ไม่ต้องกักตัว โดยจัดลำดับเป็นขั้นๆไป ด้านหอการค้าฟันธง เปิดประเทศอย่างระมัดระวังคาดมีนักท่องเที่ยวสะพัดได้ถึงวันละ 1 แสนคน
มาดูในส่วนของภาครัฐเตรียมการไว้อย่างไรบ้าง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากนายกฯ ประกาศเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.นี้ แผนระยะที่ 1 จะเปิดอีก 10 จังหวัด ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว และที่นายกฯ ประกาศเปิดประเทศ 120 วัน ก่อนหน้านี้ครั้งนี้ถือว่าเร็วขึ้น หลายประเทศประกาศเปิดประเทศ เช่น สิงคโปร์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการช่วงชิงนักท่องเที่ยว ถ้าเรายังกักตัว 7 วัน จะต่อสู้ดึงนักท่องเที่ยวยาก ประกาศเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. เชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศในไตรมาสที่ 4 และไตรมาสที่ 1 ปีหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมสำหรับช่วงฤดูหนาวของยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน
นายพิพัฒน์ ชี้แจงว่า เปิด 10 จังหวัดรวมกรุงเทพฯหมายความว่า กระบี่ พังงา เปิดทั้งจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ ชลบุรี เปิดบางส่วน จ.ชลบุรี จะเปิดเฉพาะ อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จังหวัดอื่นๆ จะมีที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เชียงใหม่ 4 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ดอยเต่า อ.แม่แตง และ อ.แม่ริม จ.ระนอง ที่เกาะพยาม และอาจจะมีที่ จ.เลย ที่ อ.เชียงคาน
ประเทศที่จะเข้ามาไม่ต้องกักตัวนั้น เป็นไปตามที่นายกฯ ได้ประกาศไปแล้ว เบื้องต้นมี 4-5 ประเทศ เป็นประเทศที่นิยมเข้าไทยอยู่แล้ว เช่น อังกฤษ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา แต่สิ่งที่เราอยากดึงลูกค้าอีกประเทศที่สำคัญมากคือ จีน ส่วนประเทศอาเซียน เราพยายามคิดว่าทำอย่างไรนอกเหนือจากสิงคโปร์แล้ว เราจะทำบับเบิลกับประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราได้หรือไม่ แต่หมายถึงประเทศเพื่อนบ้านเราพร้อมจะเปิด สำคัญที่สุดต้องไม่อยู่ในภาวะเสี่ยง อย่างน้อยต้องได้รับวัคซีนแล้ว 2 โดส ก่อนเข้าประเทศไทย
ภาครัฐตั้งเป้าปี’65 รับนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและคนไทยเที่ยวไทย
นายพิพัฒน์ ยังคาดการณ์เป้าหมายรายได้รวมของภาคการท่องเที่ยวในปี 2565 อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จำนวน 15 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 6 แสนล้านบาท ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย เกิดการเดินทาง 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 8 แสนล้านบาท
หากประเมินในแง่รายได้ของตลาดรวม จะคิดเป็น 50% ของปีปกติก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 หรือปี 2562 ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 3.4 ล้านล้านบาท โดยในปี 2564 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้ารายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศที่ 8.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 แสนล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศ อยู่ที่ 5.5 แสนล้านบาท
ลุ้นที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 14 ต.ค.นี้ จะเคาะออกมาว่าเปิดกี่จังหวัด ททท.เสนอต่อศปก.ศบค. โดยได้สรุปรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำไปทั้งหมด 21 ประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในคืนแรกยังต้องพักในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA PLUS ทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่โรงแรมเลย เมื่อผลออกมาเป็นลบสามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศ ส่วนหนังสือขออนุญาตเข้าประเทศ (COE) ที่ถูกบ่นว่ายุ่งยากนั้น อาจจะยกเลิกใช้วันที่ 1 พ.ย.นี้ หากรัฐบาลยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ในส่วนของรายชื่อประเทศที่ ททท.เสนอพิจารณาจากมิติด้านเศรษฐกิจ โอกาสทางการส่งเสริมตลาด ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน (รวมฮ่องกง ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สวิตเซอร์แลนด์ มาเลเซีย และอิตาลี
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า มีคำถามว่า เมื่อนายกฯ จะประกาศรับนักท่องเที่ยวจาก 10 ประเทศไม่ต้องกักตัวแล้ว พื้นที่นำร่องที่เปิดไปแล้ว เช่น ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และพื้นที่นำร่องที่เตรียมเปิดวันที่ 1 พ.ย. จะใช้หลักเกณฑ์อย่างไร ขออธิบายว่า เรื่องนี้เหมือนขนมชั้น ชั้นที่ 1 เป็น 10 ประเทศตามที่นายกฯ ประกาศ ส่วนชั้นที่ 2 ยังเปิดรับอีกกว่า 100 ประเทศเข้ามาในพื้นที่นำร่อง เมื่ออยู่ครบ 7 วันถึงออกนอกพื้นที่ได้ ส่วนชั้นที่ 3 ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนยังเข้ามาได้ แต่ต้องถูกกักตัวในโรงแรมที่เป็นสถานที่กักกันของรัฐ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การกักตัว 10-14 วัน
ส่วนด้านภาคเอกชนหนุนติดเครื่อง “การท่องเที่ยว” เพิ่มจีดีพี ฟื้นเศรษฐกิจ หอการค้าไทย มั่นใจแผนเปิดประเทศเรียกเชื่อมั่นคาดหลังจากนี้ นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเดือนละ 1 แสนคน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่นายกรัฐมนตรีออกมาประกาศสร้างความชัดเจนในการเปิดประเทศ เพราะจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการและนักเดินทางได้รู้ล่วงหน้าและมีการเตรียมตัวที่ดีขึ้น ภายใต้การควบคุมและมีลำดับขั้นตอนในการทยอยเปิดที่ชัดเจน
ปัจจุบันทตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง ประกอบกับแผนการจัดหาและจัดสรรวัคซีนที่มีความชัดเจน ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น การกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง การติดเชื้อจากต่างประเทศก็ไม่มีปริมาณมาก ทั้งนี้มาตรการที่ภาครัฐได้ทยอยผ่อนคลายตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมไปถึงโครงการ Phuket Sandbox ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้มีการเตรียมตัวมาแล้ว เช่น มาตรการ SHA+ และ COVID FREE SETTING
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมความพร้อม คือ การกระจายฉีดวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งเข็ม 2 และเข็ม 3 โดย ภาคเอกชนที่ร่วมเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลพร้อมให้การสนับสนุน เพื่อร่วมเปิดประเทศไปด้วยกัน
ไม่เพียงในแวดวงท่องเที่ยวไทยเท่านั้นที่ปรับตัวกันคึกคัก นักวิเคราะห์ต่างชาติยังชี้ว่า เงินบาทแข็งค่ารับนโยบายเปิดประเทศ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่แสดงความคิดเห็นทั้งตอบรับ และบางส่วนแสดงความกังวลเรื่องการระบาดโควิด-19 ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม อันเป็นผลมาจากการผ่อนปรนข้อกำหนดการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคักทันที