หลังจากที่มีความคืบหน้าในการปรับแผนจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกดินแดง โดยทางด้านพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากที่ตำรวจนครบาลปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบริเวณแยกดินแดงและพื้นที่ต่อเนื่อง พบว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. และ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา มีเสียงประทัดยักษ์ดังขึ้น 3 ครั้งบริเวณฝั่งสวนป่าวิภาวดี แต่ไม่พบมีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวก่อความวุ่นวาย
ขณะที่ความคืบหน้าของบช.น. มีการเปิดเผยว่าจะเตรียมปูพรมปิดพื้นที่อุดช่องโหว่ หวังปิดเกม ม็อบป่วนดินแดง อีกทั้งสัปดาห์หน้า เล็งจะออกหมายจับคนสนับสนุนอาวุธ 3 ราย ที่มีเบาะแสอยู่แล้ว นอกจากนี้ภาพรวมของการเก็บหลักฐาน ของกลางต่าง ๆ ที่ยึดได้จากผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม พบว่า ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. – 29 ก.ย. 64 มีอาวุธที่ยึดได้มากที่สุด จะเป็นระเบิดทำมือและระเบิดปิงปองราว ๆ เกือบ 500 ลูก , มีน้ำมันก๊าซมากกว่า 60 ขวดและมีแบบน้ำมันถังอีก 1 ถังใหญ่ , มีอาวุธปืนพร้อมลูกกระสุนจริง และมีด ส่วนอาวุธอื่น ๆ มีจำนวนมากเช่นกัน แต่ระดับความรุนแรงจะลดน้อยลง ในส่วนหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดไว้ได้นั้น ถือเป็นคำตอบสำคัญที่บ่งชี้ได้ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงต้องปิดเกมม็อบดินแดง เพราะหากยังปล่อยให้การชุมนุมยืดยื้อต่อไป พวกกลุ่มทะลุแก๊ส หรือกลุ่มอิสระอื่น ๆ อาจจะไม่หยุดเพียงแค่นี้
ล่าสุดจากฐานข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีการจับกุมผู้ชุมนุม ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. -29 ก.ย. พบว่ามีเยาวชนจำนวนมากเข้ามาร่วมการชุมนุมด้วย เด็กสุดอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น และบางรายเคยถูกจับกุมมามากกว่า 1 ครั้ง แต่สิ่งที่น่าสนใจจากข้อมูลดังกล่าว คือที่อยู่ของกลุ่มม็อบที่ถูกดำเนินคดี พบว่าส่วนใหญ่ มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ทั้งสระแก้ว , สระบุรี , เชียงราย , นครราชสีมา ,สุราษฎร์ฯ และนครปฐม แต่ที่อยู่ปัจจุบันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนนั้นพบว่า จะมาอาศัยอยู่ตามหอพัก ห้องเช่า และไม่ปรากฎเลขที่ บางรายอ้างว่า จำเลขที่ห้องไม่ได้ โดยบ้านเช่า ห้องเช่าส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในเขตกทม. ใกล้กับแยกดินแดง รวมทั้งยังพบข้อมูลด้วยว่า มีเยาวชนบางกลุ่ม อาศัยตามแคมป์คนงานเพื่อกบดาน และรอออกมาชุมนุมในช่วงค่ำ ทำให้ต้องยิ่งติดตามถึงนายทุนที่หนุนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะการจัดหาที่อยู่อาศัย เพราะส่วนใหญ่คนชุมนุมยังอายุน้อย ไม่น่าจะมีกำลังทรัพย์เพียงพอในการจัดหาที่อยู่เพียงลำพัง
ทั้งนี้จากข้อมูลดังกล่าว ตรงกับที่ทางด้านพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เคยเปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ชุมนุม ที่พยายามแฝงตัวเป็นชาวแฟลต ด้วยการเช่าห้องว่างภายในแฟลตมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีบางส่วน เป็นเด็กอายุ 13-14 ปี จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งอยู่ระหว่างประสานฝ่ายสืบสวน เตรียมเข้าตรวจค้นห้องพักเป้าหมายต่อไป พร้อมกันนี้ มีการยึดพลุเพลิง ระเบิดขวด ระเบิดแสวงเครื่อง และระเบิดเพลิงอีกกว่า 70 ลูก ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผลว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด มีการส่วนวางเพลิงเผาทรัพย์ และรถตำรวจ ในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่ แต่เชื่อว่า ขณะนี้สถานการณ์การชุมนุมเบาลงมาก และมีการจำกัดพื้นที่ก่อเหตุ อาจทำให้บางส่วนเปลี่ยนสถานที่ชุมนุม แต่ตำรวจพร้อมดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) ยังออกมาเปิดเผยในประเด็นที่มีการประกาศยึดคืนพื้นที่ภายใน 7 วัน ของกลุ่มการชุมนุมบางกลุ่ม ว่าที่แยกดินแดงนั้นว่าถือเป็นข้อมูลประการหนึ่งของฝ่ายสืบสวนทั้งด้านการข่าว และฝ่ายปฏิบัติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีการรับฟังไว้เพื่อปรับยุทธวิธีต่า งๆ แต่เชื่อว่าการปฏิบัติการเชิงรุก ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวแฟลตดินแดน ประกอบกับชาวแฟลตให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ประมาทจะยังคงมีการเข้ายึดพื้นที่โดยรอบการชุมนุม อีกทั้งชุดปฏิบัติการยังคงตรวจสอบอยู่ตลอด แต่เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง
ซึ่งสถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88 สน.ทั่วกรุงเทพ มีความพร้อมและตื่นตัวอยู่ตลอด ทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ หากเกิดการก่อเหตุจุดใดจุดหนึ่ง ก็สามารถเข้ากระชับพื้นที่ได้ทันที ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้ามาชุมนุมเจ้าหน้าที่มีข้อมูลยืนยันตัวบุคคลและยานพาหนะของผู้ที่เข้ามาก่อเหตุถึงจะไปเข้าร่วมที่ใดหากพยานหลักฐานถึงก็จะสามารถออกหมายจับได้