ยุคฝ่ายค้านตกต่ำสุดๆ เมาหมัด อยากล้มนายกฯจนหน้ามืด ไม่แยกแยะผิด-ถูก!

1693

จากกรณีที่วันนี้ (29 กันยายน 2564) ทางรศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความถึงความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องการจะล้มพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุข้อความว่า

ไม่ว่ายุคใดสมัยใด การเมืองไทยไม่เคยมีฝ่ายค้านที่มุ่งแต่จะล้มรัฐบาล ล้มนายกรัฐมนตรี จนหน้ามืด ตามัว เมาหมัด เหมือนกับฝ่ายค้านยุคนี้ ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแล้ว 2 ครั้ง ไม่ระคายผิวรัฐมนตรีแม้แต่น้อย ยิ่งครั้งหลังยิ่งอภิปรายไม่มีน้ำหนัก ทั้งยังใช้เอกสารเท็จ ข้อมูลเท็จ จนผู้อภิปรายบางคนต้องถูกดำเนินคดีไปตามๆกัน
เพราะความอยากจะไล่พลเอก ประยุทธ์ให้ได้ ฝ่ายค้านแสดงความเห็นสนับสนุนม็อบทุกชนิด รวมทั้งม็อบหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แม้กระทั่งม็อบทะลุแก๊ส ที่ไม่เพียงไม่ใช่ม็อบ แต่เป็นอันธพาล ใช้อาวุธ ก่อการจลาจล เผา ทุบทำลายทรัพย์สินส่วนรวม ทุกวัน โดยไม่มีจุดหมาย ไม่มีเหตุผล จนประชาชนที่เป็นพลังเงียบเขาเอือมระอากันหมดแล้ว
เมื่อมีผู้ร้องเรียนว่า พรรคฝ่ายค้านพรรคใหญ่ให้การสนับสนุนม็อบ ก็ออกมาปฏิเสธ แต่ยังบอกว่า อาจมีสมาชิกพรรคบางคนสนับสนุน ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค แต่ในการลงมติไม่ไว้วางใจ พรรคนี้ได้ออกคำสั่งให้ ส.ส.ทุกคน ลงมติไม่ไว้วางใจ มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อหลักจริยธรรมของพรรค แต่การที่มี ส.ส.ไปสนับสนุนม็อบที่ทำผิดกฎหมาย กลับไม่ขัดกับหลักจริยธรรมของพรรค หรือว่าพรรคนี้ไม่รู้จักคำนิยามของคำว่า “จริยธรรม”
ฝ่ายค้านจ้องจับผิดนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทุกเรื่องมาตลอด ขณะนี้สถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้น ทั้งยังมีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะสามารถจัดหาวัคซีน และฉีดวัคซีนได้ตามเป้า จะเอาวัคซีนแบบไหนก็มีให้เลือก กระนั้นผ่ายค้านบางคน ก็ยังนำเรื่องการรับบริจาควัคซีนจากสหรัฐอเมริกาว่าเป็นความบกพร่องของไทย ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนที่จะบริจาคเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่เป็นความจริง
เมื่อม็อบก็ไม่ระคายผิวนายกฯ และนับวันยิ่งแผ่วลง เพราะคนไม่เอาด้วย เรื่องโควิด เรื่องวัคซีนก็โจมตีไม่ได้ถนัด ก็หันมาโจมตีเรื่องกู้เงิน คงเป็นเพราะมันง่ายกว่าที่จะค้นหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นมาโจมตี เรื่องนำ้ท่วม ปลูกบ้าน 2 ชั้น เรื่องสวดมนต์ เรื่องคุยกับวัว ไม่ได้ย้อนกลับไปดูว่า สมัยที่พรรคตัวเองเป็นรัฐบาล น้ำท่วมกรุงเทพฯอย่างสาหัสยิ่งกว่าสมัยใด และก็มีการจัดสวดมนต์ แต่ฝ่ายค้านสมัยนั้น เขาไม่ได้นำเรื่องสวดมนต์มาโจมตี เหมือนในสมัยนี้ ความอยากล้มรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ แต่ล้มไม่ได้ ทำให้ฝ่ายค้านเมาหมัด เล่นกันทุกวิธี แยกแยะไม่ออก ว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ขอให้ล้มได้เท่านั้นพอ
พูดถึงเรื่องสวดมนต์ อย่าได้ดูหมิ่น ดูแคลน ลบหลู่ประเพณีความเชื่อนี้เป็นอันขาด เมื่อครั้งที่รัฐบาลจัดพิธีสวดมนต์ เมื่อโควิด 19 ระบาดใหม่ๆ สมเด็จพระสังฆราชนำสวด บทสวดรัตนสูตร ซึ่งเป็นบทสวดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อขจัดโรคระบาด ก็มีพวกที่หวังผลทางการเมือง กล้าออกมาลบหลู่ หมิ่นแคลน
สิ่งที่เราไม่รู้ สิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าไม่มี ไม่ใช่ไม่คงอยู่ อย่างที่เราพูดกันเสมอว่า “ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่” ไม่ใช่พูดกันเล่นๆ มีตัวอย่างมากมายของความหายนะของคนที่ “ไม่เชื่อ และลบหลู่” ให้เห็น จึงขอย้ำอีกครั้งว่า
เวรกรรมมีจริง เพียงแต่เมื่อใดจะตามทันเท่านั้น รอดูกันไป
ในขณะที่ทางด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า เรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกฯรัฐมนตรีนั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 158 เขียนชัดว่า นายกฯจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ฝ่ายค้านแทบจะไม่ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแต่ประการใด เพราะชัดเจนในตัวมันเองแล้ว ถ้าตีความแบบฝ่ายค้านตีความ ต้องนับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 และบทเฉพาะกาลมาตรา 264 ในรัฐธรรมนูญยังระบุว่า ครม.ที่เป็น ครม.อยู่ก่อน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งนี้ ในการยื่นร้อง ถ้าไม่มีเหตุเกิดขึ้น ศาลก็คงจะไม่น่ารับไว้  เราจึงจะไม่ยื่นในขณะนี้ เพราะยื่นไว้คงไม่เกิดประโยชน์ เราจะพิจารณาเรื่องนี้เมื่อมีเหตุแล้ว