จากปรากฏรายงานข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค แต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค แล้ว ยังมีความเคลื่อนไหวตั้งที่ปรึกษาด้วย
ทั้งนี้รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประวิตร เตรียมจะแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค2 คน คือ นายสมศักดิ์ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง แต่ยังติดที่นายพีระพันธุ์ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่านายพีระพันธุ์ เตรียมสมัครสมาชิกพรรคตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การดำเนินการด้านธุรการต่างๆ ไม่สะดวก จึงคาดว่า นายพีระพันธุ์ จะสมัครสมาชิกพรรคในเร็ววันนี้
สำหรับนายพีระพันธุ์ หลังลาออกจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเดือนธันวาคม 2562 แล้วพล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ ทันที ถือเป็นที่ปรึกษานายกฯ ที่รับผิดชอบงานสำคัญ หรือเป็นมือทำงานที่มีบทบาทอย่างมาก ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ เช่น กรณีที่นายกฯ มอบหมายให้รับผิดชอบเป็นคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือการได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 สภาผู้แทนราษฎร และเป็นมือตรวจสอบในด้านกฎหมายหลายโครงการที่ถูกตั้งคำถาม และรับผิดชอบแก้ปัญหาหลายโครงการ
นอกจากนี้ทีมข่าวเดอะทรูธ ยังพบความเคลื่อนไหวที่สำคัญตั้งแต่ปีที่แล้ว ในช่วงหาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ ต่อมาพล.อ.ประวิตร รับเทียบเชิญให้นั่งตำแหน่งนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร อาจเป็นหัวหน้าพรรคแค่ 6 เดือน ก่อนจะส่งไม้ต่อให้หัวหน้าพรรคตัวจริง นั่นคือ นายพีระพันธุ์
โดยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 การประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระบุว่า วันที่ 23 มิถุนายน ก่อนเวลาเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี แกนนำและส.ส.ส่วนหนึ่งจะเดินทางไปเรียบเชิญ พล.อ.ประวิตร ให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ซึ่งกระแสข่าวช่วงนี้ถือว่ามาแรงมากว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตัวจริง คือ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพราะมีบทบาทสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลังลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังประกาศตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับนายจุรินทร์ ซึ่งตอนนั้น ชูแนวทางสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ต่อมาเมื่อพ่ายแพ้นายจุรินทร์ ก็ลาออก และ ปรากฏตัวอีกครั้งในตำแหน่ง ที่ปรึกษาพล.อ.ประยุทธ์
สำหรับภูมิหลังของนายพีระพันธุ์ เกิดในแวดวงสังคมชั้นสูง บิดาเขาคือ พล.ท.ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตเจ้ากรมพลังงานทหาร และ เป็นผู้ให้กำเนิดปั๊มน้ำตราสามทหาร ต่อมา คือบริษัท ปตท.ในปัจจุบัน มีคุณปู่เป็นเป็นอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ นอกจากนี้เขายังมีคุณตาเป็นอดีตประธานศาลฎีกา ขณะที่ชีวิตสมรส นายพีระพันธุ์ เป็นลูกเขยของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี
กระนั้นช่วงที่นายพีระพันธุ์ ทำงานใกล้ชิดอยู่กับนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏ มี ส.ส. และ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปทางข้าวกับนายพีระพันธุ์ ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล แต่นายพีระพันธุ์ ปฎิเสธว่า เป็นการทานข้าวกันตามปกติ และ ไม่ได้พูดคุยเรื่องการเมือง
สำหรับการนัดกินข้าวกันระหว่าง ส.ส. และ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กับ นายพีระพันธ์ เกิดขึ้นในรอบเดือนนี้ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย ครั้งแรก น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม เป็นคนนำส.ส.รวม 6 คน ไป ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่18 เมษายน มีส.ส.และอดีตส.ส.รวม 5 คน นัดหมายกันเดินทางไป นำโดย นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ท้ายที่สุด สมบัติ ยะสินธุ์ อดีตส.ส.จ.แม่ฮ่องสอน ติดธุระไม่ได้เดินทางไป
และแม้ว่าการนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของพลเอกประวิตร จะเกินกว่า 6 เดือนมาแล้ว และเมื่อเกิดเรื่องราวกระแสความบาดหมางระหว่าง 2 ป. คือ พลเกประยุทธ์ กับบิ๊กป้อม ดังนั้นเองที่น่าจับตาว่า การส่งสายตรงอย่างนายพีระพันธุ์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย่อมต้องมีการพูดคุยกันแล้วระหว่างพี่น้อง 2 ป. เช่นนี้จึงน่าสนใจกับการที่พลเอกประวิตร ยอมตั้งสายตรงนายกฯเข้ามาอยู่ในพรรค หรือนี่จะเป็นสัญญาณว่า เป็นการนำร่อง อาจมีคนอื่นๆเดินตามเข้ามาด้วย เพื่อสมัครสมาชิกพรรค ก่อนที่จะทำอะไรต่อไป ท่ามกลางกระแสว่า บิ๊กตู่ จะเข้ามา เพื่อไม่ให้ตนเองขาลอย!?!