TikTok!! แอพพลิเคชันครองโลก อินเดีย, อเมริกา หวั่นยึดครองใจประชาชน อินเดียสะกัดดาวรุ่งห้ามใช้ 59 แอพฯของจีนรวมTikTok เฟสบุ๊คส่งแอพฯใหม่ประกบ

2778

ในปี 2019 แค่ปีเดียว อินเดีย มียอดดาวน์โหลด TikTok ถึง 467 ล้านครั้ง ตามมาด้วยจีน 173.2 ล้านครั้ง และสหรัฐอเมริกา 123.8 ล้านครั้ง ตามลำดับ TikTok ให้บริการใน 155 ประเทศ (Apptrace, 2019) มีให้บริการทั้งหมด 75 ภาษา ซึ่งครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของทั้งโลก เอาชนะ YouTube, Instagram, WhatsApp และ Facebook Messenger ซึ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 ในทันที นี่คือเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์สะกัดดาวรุ่ง ต้านแอพฯ ทั้งจากฝั่งอเมริกา และอินเดีย ล่าสุดอินเดียปิดกั้นแล้ว ห้ามใช้แอพฯสำคัญหลายชนิดของจีน สืบเนื่องจากปัญหาพิพาทชายแดนในกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมายังตึงเครียด

กระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดีย เปิดเผยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2563 ว่า อินเดียได้สั่งแบนแอพพลิเคชันของจีนรวม 59 แอพ หนึ่งในนั้นมี TikTok โดยอ้างถึงภัยคุกคามต่ออธิปไตย ความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประชาชน หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศย่ำแย่ลง

แถลงการณ์ของกระทรวงฯ ระบุว่า การส่งและการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานชาวอินเดียโดยไม่ได้รับอนุญาตในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ ตลอดจนการกระทำใด ๆ ที่เป็นปรปักษ์ต่อความมั่งคงและการปกป้องประเทศอินเดียนั้น นับเป็นความกังวลอย่างยิ่งและเร่งด่วนซึ่งต้องรับมือด้วยมาตรการฉุกเฉินเช่นนี้

การประกาศแบนแอพพลิเคชันสัญชาติจีน 59 รายการได้แก่ TikTok, WeChat, Weibo, Meitu และแอพฯในเครือข่าย QQ อีกหลายแอพฯ โดยอินเดียให้เหตุผลถึงการแบนดังกล่าวว่ามีความเสี่ยงต่อการถูกจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ และล้วงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างไม่ถูกต้องจากแอปฯสัญชาติจีนเหล่านี้ทางการอินเดียระบุในแถลงการณ์ว่า ได้รับข้อร้องเรียนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการลักลอบนำข้อมูลของผู้ใช้งานแอพฯทั้งบนแพล็ตฟอร์ม iOS และ Android ไปใช้นอกอินเดีย

นิคฮิล คานธี (Nikhil Gandhi) ประธานบริหาร Tiktok ประจำอินเดีย เปิดเผยว่า ได้เข้าชี้แจงกับตัวแทนของรัฐบาลอินเดีย โดยอธิบายว่า ติ๊กต๊อก ทำให้อินเตอร์เน็ตมีเสรีภาพมากขึ้น โดยให้บริการภาษาท้องถิ่นถึง 14 ภาษาที่ใช้ในอินเดีย และมีผู้ใช้บริการนับร้อยล้านคน ตั้งแต่ศิลปิน นักเล่าเรื่อง นักการศึกษาไปจนถึงนักแสดง และหลายคนเพิ่งเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ แถลงการณ์ของติ๊กต๊อกอินเดีย ยืนยันว่า ไม่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้กับรัฐบาลจีนหรือประเทศใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากข้อปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของอินเดีย

หลังเกิดเหตุทหารอินเดียและจีนปะทะกันเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2563 ซึ่งทำให้ทหารอินเดีย 20 นายเสียชีวิต หน่วยข่าวกรองอินเดียได้เตือนให้ระวังแอพพลิเคชั่นจากประเทศจีน ซึ่งรวมถึงติ๊กต๊อกด้วย อาจถูกใช้ล้วงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน หรือถูกใช้เป็นโปรแกรมไม่ประสงค์ดีอย่างมัลแวร์หรือสปายแวร์ ขณะที่ นายนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2563 ว่า อินเดียจะตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อกรณีเหตุพิพาทชายแดน พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวอินเดียซื้อสินค้าที่ผลิตในอินเดียแทนการซื้อจากจีน นอกจากนี้ที่ชายแดนเขตพื้นที่พิพาท ทั้งสองประเทศมีการเคลื่อนกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่อย่างเคร่งเครียด
…………………………………………
Cr: Newyorktimes, CNNnews