จากเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564 ที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิคณะก้าวหน้า” และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงบางข้อความไม่เหมาะสมนั้น
ทั้งนี้โดยประกาศดังกล่าวมีใจความบางช่วงว่า ด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิคณะก้าวหน้า ต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการศึกษา วิจัย ด้านสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และอื่น ๆ ส่งเสริมการแปลหนังสือภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย เผยแพร่ความรู้หรือผลงานการศึกษาวิจัยด้านสังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และอื่น ๆ ให้แพร่หลายแก่ประชาชน
“ส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ดำเนินกิจกรรมค่ายศึกษาอบรมเกี่ยวกับการเสริมสร้างค่านิยมประชาธิปไตย ส่งเสริมและให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ยากไร้ ส่งเสริมและสนับสนุนการสังคมสงเคราะห์ที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้สูงอายุคนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการกีฬาทุกประเภท”
อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกต ในประกาศฉบับเต็ม ในข้อที่ 2.8 ที่ได้มีการระบุข้อความในการจัดตั้งมูลนิธิว่า เพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความเป็นกลาง และไม่ให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด ซึ่งน่าตั้งข้อสังเกตว่า ในข้อนี้วัตถุประสงค์มีความชัดเจนที่ผิดตามมาตรา 112 มีความหมิ่นเหม่ในการตั้งวัตถุประสงค์หรือไม่??? แต่ได้รับให้จดทะเบียนตั้งมูลนิธิได้ โดยหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คือกระทรวงมหาดไทย
ต่อมาวันเดียวกัน เฟซบุ๊ก Roundtable Thailand ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วย โดยมีเนื้อหาที่ระบุถึงครูหยุย นายวัลลภ ที่ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ไว้ว่า
20 กันยายน 2564 จากกรณีมีการตั้งข้อสังเกตและความไม่สบายใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การจัดตั้งมูลนิธิคณะก้าวหน้า เรื่องการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีข้อความต่อท้ายระบุว่า “ด้วยความเป็นกลาง” นั้น
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และเลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก แสดงความเห็นว่า เรื่องการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธินั้นจะมี 2 กระทรวงเป็นผู้พิจารณาว่าจะอนุญาตให้จัดตั้งได้หรือไม่คือ กระทรวงวัฒนธรรมที่จะต้องพิจารณาดูถ้อยคำทั้งหมดในการขอจัดตั้งมูลนิธิ
“จากนั้นส่งต่อให้กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบประวัติผู้ขอก่อตั้ง และคณะกรรมการมูลนิธิ แต่กรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่มีถ้อยคำ “ด้วยความเป็นกลาง” ต่อท้ายวัตถุประสงค์การจัดตั้งมูลนิธิคณะก้าวหน้าเรื่องการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งต้องถามทั้งสองกระทรวงว่าปล่อยให้ผ่านมาได้อย่างไร เพราะปกติไม่น่าจะอนุญาตให้มีถ้อยคำต่อท้ายแบบนั้น อีกทั้งโดยหลักไม่มีใครทำ และ 2 กระทรวงควรกลับไปพิจารณา เพราะมีคนตั้งคำถามว่าให้ผ่านมาได้อย่างไร
เมื่อถามว่า แต่ขั้นตอนผ่านการประกาศราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว สามารถนำกลับมาแก้ไขได้หรือไม่ นายวัลลภ กล่าวว่า หน่วยงานสามารถท้วงติงให้มูลนิธิฯ แก้ไขข้อความได้” นายวัลลภ ระบุ
ล่าสุดวันนี้ 21 กันยายน 2564 นางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ หนึ่งในกรรมการมูลนิธิฯและแกนนำคณะก้าวหน้า ได้ออกมาชี้แจงถึงการตั้งข้อสังเกตุดังกล่าว ผ่านทวิตเตอร์ว่า
“มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามูลนิธิคณะก้าวหน้าใช้ถ้อยคำแปลก และไม่เหมาะสม เรื่องการ “ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้วยความเป็นกลาง” ขอชี้แจงว่าข้อความนี้เป็นการระบุตามมติครม. 4 ส.ค. 2535 ถ้าไม่ระบุตามนี้เขาไม่ให้ตั้งค่ะ ไม่ใช่ข้อความที่มูลนิธิคิดขึ้นเอง” น.ส.พรรณิการ์ ระบุในทวิตเตอร์ส่วนตัว
ดังนั้นเองที่ทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบถึงข้อเท็จจริงเบื้องต้น เกี่ยวกับการตั้งข้อสังเกต โดยถามถึงความไม่เหมาะสมหรือหมิ่นเหม่หรือไม่นั้น ก็พบว่า การระบุในข้อ 2.8 ที่ว่า “เพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความเป็นกลาง และไม่ให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด” ซึ่งข้อความดังกล่าวนี้ทาง น.ส.พรรณิการ์ ได้อ้างถึงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2535 ก็พบว่าเป็นข้อเท็จจริงตามที่ น.ส.พรรณิการ์อ้างอิงถึง
กระนั้นเองที่ทีมข่าวเดอะทรูธ อยากจะตั้งข้อสังเกตให้สังคมร่วมกันพิจารณานั่นก็คือ ข้อความที่ระบุว่า “เพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความเป็นกลาง” หมายถึงมูลนิธิฯนั้นๆที่ขอจัดตั้ง ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ได้หมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
รวมทั้งข้อความที่ระบุว่า “ไม่ให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด” นี่ก็หมายถึงตัวมูลนิธิฯดังกล่าวที่ขอจัดตั้งนั่นเอง ไม่ได้หมายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ อีกเช่นกัน!!! ซึ่งนี่คือข้อสังเกตุของทีมข่าวเดอะทรูธเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่อยากให้สังคม ประชาชนคนไทยร่วมกันคิด พิจารณาว่าถูกต้องหรือไม่???