วราวุธ เผยชัด 2 รมต.ใหม่เป็นโควต้าพปชร.- เป็นอำนาจนายกฯตั้ง ถึงเวลานำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเอง!
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (13 กันยายน 2564) มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นประธาน ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
ซึ่งต่อมาได้มีการเผยแพร่คลิปช่วงที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เจอหน้า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีการพูดคุย ทักทายกันตามปกติ หลังจากมีกระแสข่าวลือว่า 3 ป.แตก
ล่าสุดวันนี้ (14 กันยายน 64) เวลา 08.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า ทุกอย่างพูดคุยเรื่องการทำงานเป็นปกติ ส่วนจะมีสัญญาณส่งถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จหรือไม่นั้น
นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาประเทศยังต้องแก้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเลือกตั้ง และการยุบสภา อยู่ที่นายกฯ ตัดสินใจ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลและร่วมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มองว่าต้องแก้ไขปัญหาประเทศ เรื่องการเมืองเมื่อถึงเวลาก็จะรู้เองว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งขณะนี้นายกฯ ยังไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ แต่ย้ำให้ทุกคนทำงานเต็มที่ เนื่องจากเหลือเวลาเพียงแค่ 1 ปีกว่า ก็จะครบวาระของสภาฯ
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันส่วนตัวมองภาพการเมืองที่มีการชุมนุมในขณะนี้ว่า เป็นเรื่องปกติทุกรัฐบาล เพราะมีการชุมนุมที่แตกต่างกันไป บางครั้งพรรครัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก ก็จะเกิดปัญหาภายในพรรคร่วมฯกันเอง หรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาดโควิด-19 ย่อมเกิดเหตุการณ์ที่แตกต่างกันไปกับรัฐบาลนั้นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หรือสาหัสเหมือนกับรัฐบาลอื่นๆ แต่ขอเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ เนื่องจากกำลังแก้ไขสถานการณ์แบบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกกระทรวงในขณะนี้ เพราะปัญหาในประเทศ ไม่ใช่มีแค่ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น แต่ยังมีปัญหาปากท้อง น้ำท่วม ภัยแล้ง และอื่นๆอีกหลายอย่างที่กำลังประสบเข้ามา จึงเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีทุกคนที่ต้องเร่งทำงาน
นายวราวุธ ยังปฏิเสธไม่ขอตอบคำถาม กรณี 2 ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยที่ว่างลง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะมานั่งคิด และมองว่าเป็นอำนาจของนายกฯ ในการตัดสินใจ เพราะถึงเวลานายกฯจะเป็นคนเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเอง แต่ในขณะนี้คิดว่า เมื่อเหลือรัฐมนตรีอยู่เท่าไหร่ก็ทำงานเท่าที่มีไปก่อน อย่างไรก็ตาม นายกฯยังไม่มีการแจ้งมายังพรรคร่วมรัฐบาล ว่าจะมีการปรับครม. ถ้าหากมีก็เป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)แต่ถ้ามีก็ต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง