สี จิ้นผิงข่มไบเดน!?!เตือนสหรัฐต้องหยุดนโยบายปฏิปักษ์กับจีน ก่อนขอฟื้นความสัมพันธ์ใหม่

1382

ไบเดนต่อสายตรงหารือสีจิ้นผิงขอฟื้นสัมพันธ์ใหม่ สีฟาดกลับสหรัฐต้องเลิกนโยบายเห็นจีนเป็นศัตรูก่อน พร้อมคุยร่วมแก้ปัญหาโลกเรื่องใหญ่ๆทางยุทธศาสตร์ในระดับกว้าง  ส่วนสื่อกระบอกเสียงปักกิ่งเชียร์ “กองทัพจีน” แล่นเรือเข้าน่านน้ำสหรัฐฯบ้าง ตะวันตกจะได้เข้าใจความรู้สึกของจีนที่ถูกสหรัฐรังแกมาตลอด  หลังจากคุยกับไบเดนแล้วสี จิ้นผิงยังต่อสายถึงนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีในประเด็นกระชับความสัมพันธ์จีน-เยอรมนีด้วย

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 สำนักข่าวต่างประเทศทั้งค่ายตะวันตกและจีนต่างรายงาน ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน หารือทางโทรศัพท์ โดยทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า ในระหว่างการหารือไบเดนกล่าวว่า ความเข้าใจผิดในเจตนาของสหรัฐฯอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ เพราะสหรัฐแค่ต้องการแข่งขันกับจีน ไม่ได้มุ่งทำลายขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตอกกลับ สหรัฐเป็นฝ่ายทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ  และขอให้มีการกำหนดทิศทางใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย อย่างชัดเจน นอกจากนี้ มีประเด็นทางยุทธศาสตร์เรื่องผลประโยชน์ร่วมและผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน 

ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระบุถึงอุปสรรคร้ายแรงที่เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ ต่อจีนที่ผ่านมา ทั้งในประเด็นทางการค้า เทคโนโลยี สิทธิมนุษยชน และต้นตอการแพร่ระบาด COVID-19 และเน้นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถหารือได้ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การป้องกันโรคระบาด การฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก 

สหรัฐฯควรเคารพในความเห็นต่างระหว่างกัน ทั้งนี้ ทำเนียบขาวยังเปิดเผยว่า การหารือดังกล่าวมีขึ้นหลังจากฝ่ายจีนลดระดับตัวแทนเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ ทั้งที่ฝ่ายสหรัฐต้องการให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จ แต่พฤติกรรมคือต้องการให้จีนทำตามแนวทางที่สหรัฐต้องการ

นักวิเคราะห์ทั้งค่ายฝรั่งและจีนมองว่า การหารือส่งสัญญาณเชิงบวกว่าทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะรักษาการสื่อสารไว้  แต่สหรัฐฯควรดำเนินการเพิ่มเติมในการแก้ไขการกระทำผิดครั้งก่อนๆ และเคารพผลประโยชน์พื้นฐานของจีน และไม่ควรคาดหวังให้จีนร่วมมือในขณะที่ยังคงแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทั้งในด้านการค้า การทูตและการทหาร

ในขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส ของจีนได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านบทบรรณาธิการ ประกาศขู่สหรัฐฯว่าอาจจะต้องพบกับเรือรบจีนในเขตน่านน้ำของสหรัฐฯก็เป็นได้ในอนาคตอันใกล้ เพื่อตอบโต้จากการกระทำของสหรัฐฯที่แล่นเรือรบผ่านเข้าออกทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นอาณาเขตของจีน ถือเป็นการล่วงล้ำอธิปไตยของจีนอย่างชัดเจน

และได้กล่าวถึงการยั่วยุอย่างเปิดเผย จากการส่งเรือรบพิฆาตสหรัฐฯในวันพุธที่ 8 ก.ย.2564 ในระยะห่างแค่ 12 ไมล์ทะเลของหมู่เกาะเทียมจีนในทะเลจีนใต้ ทั้งเตือนว่า มีเพียงวิธีการเดียวที่จะทำให้สหรัฐฯเข้าใจความเจ็บช้ำนี้ได้ ต้องมาจากการตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกันเท่านั้น และจะทำให้โลกตะวันตกเข้าใจได้ดีมากขึ้นถึงการที่จีนถูกสหรัฐฯรังแกในทะเลจีนใต้อย่างต่อเนื่อง

บทความของโกลบอลไทมส์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐฯ ต้องการให้จีนยอมอ่อนน้อมต่อการกดขี่ของสหรัฐฯ เมื่อสหรัฐฯ เหยียบย่ำผลประโยชน์หลักของจีนอย่างเปิดเผย และให้นิยามการเอาเปรียบของตนว่าเป็น “กฎเกณฑ์สากล” แน่นอนว่าจีนจะไม่ยอมรับตรรกะเจ้าโลกของสหรัฐฯ 

ที่ผ่านมาสหรัฐฯ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับกิจการซินเจียงและฮ่องกง ซึ่งจะต้องพบกับการตอบโต้จากจีนอย่างแน่นอน เรือรบและเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ ก่อการยั่วยุใกล้กับเกาะและชายฝั่งของจีน ทหารจีนจะเฉยเมยได้อย่างไร?  สหรัฐฯทำลายความไว้วางใจซึ่งกันและกันเกือบทั้งหมดระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะนี้สถาบันส่วนใหญ่ของทั้งสองประเทศในทุกพื้นที่มีส่วนร่วมในการแข่งขัน ความเกลียดชังจากความคิดเห็นของประชาชนกำลังเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความขัดแย้งทางทหารโดยไม่ได้ตั้งใจ ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ฝังอยู่ในวิกฤตต่างๆสหรัฐเป็นผู้ก่อขึ้น และยังดำเนินอยู่

จีนดำเนินการต่างๆอย่างตรงไปตรงมามากกว่าสหรัฐฯ เนื่องจากจีนยืนหยัดด้วยผลประโยชน์และศีลธรรมอันเป็นแกนหลักของชาติ เราไม่ต้องการที่จะเดินเข้าไปในความขัดแย้งกับสหรัฐอเมริกา แต่ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นเนื่องจากการปราบปรามและการยั่วยุของสหรัฐฯ เราจะเผชิญมันอย่างตรงไปตรงมา ความขัดแย้งไม่น่าจะเกิดขึ้นในทะเลแคริบเบียนหรืออ่าวเม็กซิโก หรือในชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ ทำให้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่หน้าประตูบ้านของจีน ซึ่งจีนไม่เกรงกลัว  

ผลจากการสนทนาระหว่างปธน.สี จิ้นผิงและปธน.โจ ไบเดนครั้งนี้ไม่มีฝ่ายใดยอมประกาศริเริ่มในข้อผูกพันครั้งใหม่ระหว่างการหารือ  ชี้ให้เห็นว่า ยังไม่มีการบรรลุเป้าหมายในการตัดสินใจร่วมกันใดๆ แต่ดูภาพว่ามีความพยายามที่จะบรรลุในสิ่งใหม่ๆผ่านทางกระบวนการทางการทูต ที่ยังคงติดล็อกกันอยู่ด้วยพฤติกรรมปฏิปักษ์ของสหรัฐต่อจีน

แค่หนึ่งชั่วโมงหลังจากการคุยสายกับไบเดน ปธน.สี จิ้นผิงยังได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเยอรมัน นางแองเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel) ทางโทรศัพท์ และกล่าวถึงความสำเร็จที่โดดเด่น ที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเยอรมนีและแสดงความหวังว่าเยอรมนีจะกระตุ้นให้สหภาพยุโรปปฏิบัติตามนโยบายที่ถูกต้องเกี่ยวกับจีน และจัดการอย่างเหมาะสมภายใต้ความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์