ย้อนรอยคำพูดสุดแม่น “อ.แก้วสรร” จี้รีบจัดการ “ธรรมนัส” พ้นครม. “บิ๊กตู่” เด็ดขาดเลือกทำถูกทาง!

1992

หลังจากที่ 2 รัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 ก.ย. ตามในประกาศเผยแพร่ที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ระบุไว้นั้น

แม้ว่าร.อ. ธรรมนัส อดีตรมช.เกษตรฯ จะชิงเปิดแถลงข่าวก่อนว่าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม จนเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนชั่วข้ามคืนที่ประชาชน และคนที่ติดตามข่าวแวดวงการเมืองต่างพูดถึง รวมทั้งมีกระแสชื่นชมในความเด็ดขาดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตัดสินใจเช่นนี้

ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่านายกรัฐมนตรีเซ็นคำสั่งปลดนายธรรมนัส ต่อมานายธรรมนัส ก็ตอบเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เห็น และยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว และจะเอาผิดกับคนปล่อยข่าวดังกล่าวหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “เต้เขาไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไรกับผม จะไปเอาผิดเขาได้อย่างไร เรื่องนี้มีที่มาที่ไปหรือไม่ผมไม่ทราบ ต้องไปถามจากเต้ว่าหมายความว่าอย่างไร”

นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมแล้วหรือยัง นายธรรมนัสกล่าวว่า “ผมยืนยันว่าผมไม่คุยกับนายกฯ แต่ผมคุยกับรองนายกฯ ที่เป็นหัวหน้าพรรคผม เมื่อตอนกลางวันผมก็เพิ่งไปทานข้าวกับรองนายกฯมา”

จากการส่งสัญญาณจากคำตอบของร.อ.ธรรมนัสในครั้งนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าแปลกใจเป็นอย่างมาก ว่าเหตุใด ร.อ.ธรรมนัส ถึงได้ยืนยันถึง 2 ครั้งว่า จะไม่คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ทั้งที่ทางด้านของ ร.อ.ธรรมนัส คือผู้ที่ถูกเพ่งเล็งในการอภิปรายครั้งนี้ ก็น่าจะมีการแวะเวียนเข้าไปพูดคุยหรือชี้แจงถึงเรื่องราวเหล่านี้กับทางด้านนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองบ้าง และไม่เคยแก้ตัวในข่าวลือที่ออกมาให้ได้เข้าใจในมุมมองของ ร.อ.ธรรมนัส ต่อนายกฯ เลย ซึ่งดูจากสถานการณ์แล้วนี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างผิดปกติ สำหรับเลขาธิการพรรคแกนนำรัฐบาล ก่อนจะมีข่าวออกมาว่า ร.อ. ธรรมนัส นั้น โดนปลด ไม่ใช่การลาออกเองแต่อย่างใด

ทั้งนี้หากย้อนไปเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2564 นายแก้วสรร อติโพธิ ได้เผยแพร่บทความ เรื่อง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดี ร.อ.ธรรมนัส ใหม่ที่นี่ – เก่าที่อื่น ? ผ่านเว็บไซต์ไทยโพสต์ ซึ่งมีการหยิบยก เอาคำว่า ใหม่ที่นี่ เก่าที่อื่น มาพูดถึงคดีที่ศาลตัดสินนายธรรมนัส ว่าคดีนี้ก็โดนแซวแบบนี้เช่นกัน และแสดงความเห็นต่อด้วยว่า เข้าใจในบทบาทและข้อตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องคดีของ ร.อ.ธรรมนัส แต่ถ้ามองตามความจริง นายกฯมีอำนาจพอที่จะจัดการได้ ว่าอะไรถูก อะไรควร และควรปรับให้ ร.อ.ธรรมนัส พ้นครม. อยู่ที่ว่าจะทำ หรือจะปล่อยแค่นั้น

อีกทั้งนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระและอดีตสมาชิกวุฒิสภา ยังได้เปิดเผยผ่านช่อง Top News อีกด้วยว่า โดยมีบางช่วงบางตอน ที่ให้สัมภาษณ์ไว้ดังนี้ ระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งไม่ยุติความเป็นรัฐมนตรีและส.ส. ของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่า ฝ่ายค้านหากจะให้ดีต้องไปคัดสำเนาคำพิพากษาของศาลนิวเซาท์เวลล์ ออสเตรเลีย มายื่นด้วย

หากไปร้องป.ป.ช.คงจะไม่รับเรื่อง การตรวจสอบจึงจะเหลือขั้นตอนสุดท้ายคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่เป็นคนแต่งตั้งร.อ.ธรรมนัสจะตรวจสอบ ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเนื่องจากเรื่องนี้แม้กฎหมายไม่ได้เอาผิดแต่เป็นเรื่องความไว้วางใจจากประชาชน

การอยู่ในตำแหน่งต้องอยู่ด้วยความไว้วางใจและความรับผิดชอบ เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ตามกฎหมายแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่า จะสิ้นความรับผิดชอบเท่านั้น หากประชาชนไม่ไว้วางใจหรือครางแครงใจคนเป็นนายกฯก็ต้องทบทวนแล้วปรับคณะรัฐมนตรีออกไปหรือ ในส่วนพรรคพลังประชารัฐก็ตาม สามารถมีมติให้พ้นจากการเป็นส.ส.ได้ “อย่าทำเป็นเฉย”

หากนายกฯ จะเด็ดขาดเอาจริงต้องจัดการ เพราะเรื่องนี้คือเป็นเรื่องความรับผิดชอบจิตสำนึกและพันธกรณีที่ขณะนี้ถูกโยงไปทั่วโลก พูดตรง ๆ คือกฎหมายสะท้อนแค่บางส่วนในเรื่องความถูกผิด สะท้อนถึงคุณสมบัติ นายกฯไม่ต้องดูแค่ข้อกฎหมายหรือคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ให้ยึดความรับผิดชอบ เอาความถูกผิดและเอายางอายเป็นที่ตั้ง นายกฯควรมีรัฐบาลที่ประชาชนยอมรับได้

 

ทั้งนี้นายแก้วสรร ยังกล่าวด้วยว่า ฝ่ายค้านเอง ก็มีความไม่น่าเชื่อถือไม่น่าเคารพหลายอย่าง ซึ่งร.อ.ธรรมนัสเอง ก็เคยเป็นส.ส.กับพรรคไทยรักไทยมาแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่มองว่าอยู่ฝ่ายไหนพรรคไหนก็ช่าง ส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครมีสิทธิ์โดยธรรมชาติ จะเอาใครไปติดคุกโดยที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ ต้องใช้กฎหมายโดยระมัดระวังจะริดรอนสิทธิ์ ก็ต้องใช้กฎหมายแต่ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งส่วนรวม ไม่ใช่สิทธิ์มาสวมตำแหน่งนี้แต่เป็นความไว้วางใจและความไว้วางใจไม่ได้มีแค่ในกฎหมาย และประชาชนก็ไม่ได้ดูแค่กฎหมายแต่ดูทั้งความไว้วางใจด้วย สิ่งสำคัญที่นายกฯต้องทำ คือต้องไม่ให้คนเลวมาเกาะกิน ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้เอาความถูกต้องมาก่อน อย่าเฉยต่อเรื่องไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามจึงถือว่า คำกล่าวเตือนที่นายแก้วสรร อติโพธิ หรืออาจารย์แก้วสรร ได้พูดไว้ตั้งแต่เดือนพ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดการกระทำที่ประจักษ์ให้เห็นแล้วว่า วันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกเดินทางถูกต้อง และจัดการทุกอย่างตามที่อาจารย์แก้วสรรเสนอแนะไว้แล้ว