ล้วงเงิน”กองทุนราษฎรฯ” หลายล้าน ประกันผู้ชุมนุมโดนจับเกือบพัน-จยย.โดนยึดเกือบ100!

3032

ล้วงเงิน”กองทุนราษฎรฯ” หลายล้าน ประกันผู้ชุมนุมโดนจับเกือบพัน-จยย.โดนยึดเกือบ100!

จากกรณีที่วันนี้ (9 กันยายน 2564) ทางเพจ กองทุนราษฎรประสงค์ ได้โพสต์ข้อความกรณีการใช้เงินในกองทุนเพื่อประกันผู้ต้องหา โดยระบุข้อความว่า

เมื่อวานนี้ (8 ก.ย. 64) กองทุนราษฎรประสงค์ได้เบิกเงินเพื่อวางประกันจำนวนทั้งสิ้น 392,500 บาท และรับเงินประกันคืนจากศาล 300,000 บาท ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. เบิกเงินจำนวน 332,500 บาทเพื่อใช้วางประกันประชาชน 9 คนที่ถูกจับกุมจากบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงที่มีการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 64 ทั้งเก้าคนถูกตั้งข้อหาจำพวกฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ โดยมีหนึ่งคนถูกแจ้งข้อหามียุทธภัณฑ์ คือเสื้อเกราะ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอาญารัชดาฯ เรียกหลักทรัพย์วางประกันคนละ 35,000 บาท
 
ยกเว้นหนึ่งคนที่เป็นชาวกัมพูชาซึ่งถูกแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวฯเพิ่มเติมด้วยนั้น ศาลให้วางประกันที่ 52,500 บาท ดูหลักฐานใบเสร็จในภาพที่ 2 และ 3 กรณีเหตุชุมนุมนี้ยังมีผู้ถูกจับกุมที่เป็นเยาวชนอีก 5 คน ซึ่งศาลเยาวชนฯให้ประกันโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ แต่หากผิดสัญญาประกันจะปรับเงินเป็นจำนวน 5,000 บาท
2. เบิกเงิน 60,000 บาทเพื่อใช้วางประกันประชาชน 3 คนที่ถูกสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 สั่งฟ้องในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 7 ส.ค. 64 ซึ่งเป็นวันนัดหมายชุมนุมโดยกลุ่มเยาวชนปลดแอก คดีนี้เดิมในชั้นพนักงานสอบสวน ศาลแขวงดุสิตเคยให้ประกันด้วยการสาบานตนโดยไม่ต้องวางหลักประกัน แต่ในชั้นสั่งฟ้องโดยอัยการนี้ ศาลให้วางหลักประกันคนละ 20,000 บาท รวม 3 คน 60,000 บาท
3. รับเงินประกันจำนวน 300,000 บาทคืนจากศาลจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเงินประกันคดี 112 จำนวน 2 คดีของ บาส มงคล ถิระโคตร ในชั้นฝากขังของพนักงานสอบสวน ทั้งสองคดีนี้อัยการได้สั่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค. และกองทุนฯได้วางประกันใหม่ในชั้นอัยการไปแล้ว นายประกันจึงทำเรื่องขอรับเงินประกันชั้นพนักงานสอบสวนคืน
ภายหลังยอดเบิกจ่ายและรับคืนข้างต้น ยอดเงินคงเหลือในบัญชีคือ 2,722,769.05 บาท #กองทุนราษฎรประสงค์
ซึ่งใน 2 กรณีนี้ ทางกองทุนราษฎรประสงค์ ต้องใช้เงินกว่า 392,500 บาท ซึ่งปัจจุบัน มียอดเงินคงกว่า 2.7 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 กันยายนทีผ่านมา นายธนาธ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เปิดประมูลผลงานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทือกเขา Ama Dablam ในเนปาล ฝีมือนายธนาธร โดยเงินที่ได้จากการจะนำไปเพื่อช่วยเหลือกองทุนของฝ่ายประชาธิปไตย 4 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนราษฎรประสงค์, กองทุนดาตอร์ปิโด, ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน, และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ต่อมาก็ได้มีรายงานว่า การประมูลผลงานของนายธนาธร ซึ่งเริ่มต้นที่ราคา 2,475 บาท ได้สิ้นสุดการประมูลแล้ว เสนอราคาที่ 652,475 บาท โดยมีการบิดบังรายชื่อของผู้ประมูล

อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินคดีของกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจยึดรถของกลางทั้งสิ้น จำนวน 202 คัน ตรวจสอบดำเนินคดีแล้ว 145 คัน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 56 คัน และในส่วนของการดำเนินคดีกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ห้วงที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน รวม 179 คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด 684 คน สามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 427 คน

ซึ่งในการใช้เงินประกันตัวผู้ต้องหาในแต่ละรายนั้น ก็จะมีวงเงินประกันที่แตกต่างกันออกไป ตามคดีที่แต่ละคนโดน ซึ่งขณะนี้มีผู้ชุมนุมที่ถูกจำกุมเป็นจำนวนมาก ในขณะที่เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์ มีเหลืออยู่ประมาณ 2.7 ล้านบาท ซึ่งถ้าจะต้องใช้ในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีรถจักรยานยนต์ที่ถูกยึดไปอีกที่ต้องใช้เงินเพื่อนำรถออกมาอีกกว่า 200 คัน

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ชื่อบัญชีที่ใช้ในการรับบริจาคนั้นคือชื่อ ชลิตา บัณฑุวงศ์ และน.ส.ไอดา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา โดยการเปิดรับบริจาคของคณะราษฎร กองทุนราษฎรประสงค์ได้ปิดบัญชีเดิมลงแล้วเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา (บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ในชื่อชลิตา บัณฑุวงศ์ และ/หรือไอดา อรุณวงศ์)  ซึ่งเคยเปิดมาตั้งแต่ปี 2561 และเปิดบัญชีใหม่ขึ้นแทนในวันเดียวกัน ซึ่งบัญชีดังกล่าว มีไว้ใช้สำหรับการระดมทุนสาธารณะเพื่อการประกันตัวและเงินค่าปรับในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง

ซึ่งทำให้หลายตั้งข้อสังเกตว่า เงินสนับสนุนในกองทุนราษฎรประสงค์นั้น มาจากนายทุนคนไหน หรือมีท่อน้ำเลี้ยงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา กองทุนราษฎรประสงค์มีการใช้เงินประกันตัวผู้ต้องหานับหลายล้านบาท และยังมีเงินที่ใช้ในการซื้อของเยี่ยมให้กับแกนนำคณะราษฎรที่ถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำด้วย

ถ้าลองคำนวณจากจำนวนผู้ชุมนุมที่ถูกคดีเกือบ 1,000 คน หากถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน จะถูกปรับไม่เกิน 40,000 บาท จะใช้เงิน หลายสิบล้านบาท เลยทีเดียว