การประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรกระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์แห่งพรรครีพับลิกัน-โจ ไบเดนแห่งเดโมแครต เป็นไปอย่างดุเดือดเรื่องการแพร่ระบาด COVID-19 ไบเด็นบอกทรัมป์ไร้แผนปล่อยให้คนอเมริกันเผชิญโรคระบาดไปตามยถากรรม ทรัมป์โต้เขาตัดไฟแต่ต้นลมหลายครั้งซึ่งถ้าเป็นไบเด็นจะทำให้คนตายมากกว่านี้ ลงท้ายชี้ว่าการลงคะแนนทางไปรษณีย์อาจมีการโกง ทำให้ไบเดนเย้ยว่า เพราะทรัมป์กลัวผลคะแนนมากกว่า บรรยากาศเหมือนทะเลาะกันมากกว่าแสดงวิสัยทัศน์ ผลโพลล์ตามคาดไบเดนชนะทรัมป์แต่ไม่ทิ้งห่าง และผู้ชมเบื่อหน่ายมากกว่าได้ความรู้ใหม่
เปิดฉากด้วยการทะเลาะเบาะแว้งสะท้อนความแตกแยกซึมลึก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันและนายโจ ไบเดนตัวแทนจากพรรคเดโมแครตเข้าร่วมการแสดงวิสัยทัศน์ (ดีเบต) นัดแรกในช่วงเช้าวันนี้ (30 ก.ย.2563)ตามเวลาไทย โดยการดีเบตจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเสิร์ฟ เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ และมีการถ่ายทอดสดทั่วโลกผ่านทางสถานีโทรทัศน์ CNN
นายคริส วอลเลส ผู้สื่อข่าวจากสถานีฟ็อกซ์นิวส์ ซึ่งทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ ได้ขอให้ตัวแทนจากทั้งสองพรรคแสดงความเห็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19,เศรษฐกิจ การชุมนุมประท้วง และการเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริง ทั้งทรัมป์และไบเดน แวะเข้าประเด็นร้อนที่ต้องการพูด มากกว่าจะแสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาหลักๆตามหัวข้อ มีการโต้คารม ว่าร้ายกันไปมาทั้งสองฝ่าย เช่นไบเดนว่าทรัมป์ไม่ฉลาด ทรัมป์โกรธว่าไบเดนโง่ ขุดเรื่องลูกชายของทั้งสองฝ่ายมาโต้กัน โดยรวมทรัมป์เป็นผู้กำหนดเกมส์ป่วน มากกว่าจะเข้าถึงเนื้อหาอย่างแท้จริง ไบเดนตกหลุมพรางทางอารมณ์หลายครั้งและพิธีกรฝีมืออ่อนคุมสถานการณ์ไม่ได้ ปล่อยให้สิงห์เฒ่าใส่กันไม่ยั้ง
-ไบเดนโจมตีทรัมป์ไร้แผนรับมือ COVID-19ทำอเมริกันสาหัส
ประเด็นเรื่องการแพร่ระบาด COVID-19 ไบเดนโจมตีทรัมป์ว่าไม่มีแผนรับมือ ทั้งที่ทราบถึงความรุนแรงของโรคตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ทรัมป์โต้แย้งว่าการดำเนินนโยบายที่ผ่านมา เช่น ระงับเที่ยวบินจากจีนได้ช่วยชีวิตชาวอเมริกันหลายล้านคน และเชื่อมั่นว่าหากไบเดนมาทำหน้าที่ผู้นำประเทศในช่วงเวลานี้ ก็ไม่สามารถทำอย่างเขาได้แน่นอน
-ประเด็นการประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิว ผู้ดำเนินรายการขอให้ทรัมป์กล่าวประณามกลุ่มนิยมผิวขาวที่มักก่อเหตุรุนแรง ซึ่งทรัมป์มีท่าทีบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมกล่าวประณามตรง ๆขณะที่ไบเด็นมองการชุมนุมต้านเหยียดผิวเป็นสิทธิชอบธรรมและไม่ใช้ความรุนแรงจัดการ ทรัมป์โต้ทันควันว่า ไม่เคยมีความสงบมีแต่ความรุนแรง อาชญากรรมและอณาธิปไตย
-ประเด็นความโปร่งใสของการเลือกตั้ง ซึ่งปีนี้ส่วนใหญ่จะใช้การลงคะแนนทางไปรษณีย์ เนื่องจากการแพร่ระบาด COVID-19
ทรัมป์ ระบุว่า การลงคะแนนด้วยวิธีนี้ไม่มีประสิทธิภาพ และจะนำไปสู่การทุจริตเลือกตั้งอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พร้อมกล่าวว่าเรื่องนี้จบไม่สวยแน่นอน โดยเรียกร้องให้ผู้สมัครออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งและจับตาดูอย่างใกล้ชิด ส่วนไบเดนเรียกร้องให้นับบัตรลงคะแนนทุกใบ และขอให้เคารพผลการเลือกตั้งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
ไบเด็นได้กล่าวถึงการที่ปธน.ทรัมป์ เสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ แทนที่จะรอให้ผู้ชนะการเลือกตั้งเป็นคนเสนอชื่อนั้น ทรัมป์ระบุว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องมีผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเกิดคดีความจำนวนมากและต้องให้ศาลสูงสุดพิจารณา จึงไม่อาจรอเวลาได้ ไบเด็นโจมตีว่าเป็นการฉวยโอกาสเลือกคนที่มีแนวโน้มสนับสนุนแนวทางของฝั่งทรัมป์ ควรให้ตัวแทนของประชาชนที่ได้รับเลือกใหม่เป็นคนเลือกจึงถูกมารยาททางการเมือง
นัดแรกโพลชี้ “ไบเดน” นำทรัมป์แต่คนฟังเบื่อหน่ายมากกว่าได้ความรู้ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวลา 90 นาทีของการประชันวิสัยทัศน์ ทรัมป์จะพูดแทรกและขัดจังหวะไบเดนตลอดเวลา โดยกล่าวโจมตีไบเดนหลายครั้งว่า ทำงานเป็นนักการเมืองมานานถึง 47 ปี แต่ไม่ค่อยมีผลงาน จากผลการสำรวจของซีบีเอส นิวส์ หลังการประชันวิสัยทัศน์สิ้นสุดลง พบว่าผู้ชมลงคะแนนให้ไบเดนเป็นฝ่ายชนะในรอบนี้
โดยได้คะแนนร้อยละ 48 ส่วนทรัมป์มีคะแนนร้อยละ 41 และอีกร้อยละ 10 ระบุว่าเสมอกัน ส่วนความรู้สึกของผู้ชมร้อยละ 69 รู้สึกรำคาญ เนื่องจากมีการขัดจังหวะตลอดเวลา ร้อยละ 19 รู้สึกไม่ค่อยชอบ และร้อยละ 31 รู้สึกพอใจ
ไบเดน วัย 77 ปี มีคะแนนนิยมนำหน้า ทรัมป์ วัย 74 ปีอยู่พอสมควรในโพลระดับชาติ แต่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในรัฐที่เป็นสมรภูมิหลักๆ กลับพบว่าทั้งคู่ยังทำคะแนนได้สูสีกันมาก
ที่มา:reuters, cnbc