สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เปิดเผยว่า ในปี 2563/2020 ที่ผ่านมา รายงานคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชัง (Hate crime) ต่อคนเอเชียและคนผิวดำมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จำนวนคดีของอาชญากรรมที่มุ่งโจมตีที่คนเชื้อสายเอเชียเพิ่มขึ้น 70% ในปี 2563 เมื่อเทียบกับสถิติของปี 2562
เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2564 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จากข้อมูลทางสถิติของสำนักงานสืบสวนของสหรัฐ (เอฟบีไอ) ที่เปิดเผย ระบุว่า มีการรายงานอาชญากรรมจากความเกลียดชังโดยเฉพาะต่อชาวแอฟริกัน-อเมริกันและเอเชียน-อเมริกันพุ่งสูงขึ้นในปี 2020 โดยอาชญากรรมจากความเกลียดชังต่อคนผิวสีเพิ่มขึ้น 40% จาก 1,972 เป็น 2,755 กรณี ส่วนคนเอเชียเพิ่มขึ้น 70% จากเดิม 161 เป็น 274 กรณีในปี 2020
โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของความผิดที่ได้รับรายงานเป็นการข่มขู่ และ 18% ของการโจมตีเป็นการโจมตีที่รุนแรง นอกจากนี้ยังมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น 22 คดีซึ่งมีสาเหตุจากความเกลียดชัง โดยน้อยกว่าปี 2019 ที่เกิดคดีฆาตกรรมถึง 52 ครั้ง
กระแสเกลียดชัง “คนเอเชีย” เบื้องลึกปมปัญหาในสหรัฐฝังรากลึกมานานแต่มาระเบิดในช่วงโควิด-19 ระบาด สร้างความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ประกอบกับผู้นำสหรัฐ อดีตปธน.ทรัมป์ได้สร้างภาพว่า จีนเป็นตัวการทำให้โลกติด
โควิด มาถึงสมัยของปธน.คนปัจจุบัน โจ ไบเดนก็ยังสืบทอด การป้ายความผิดเรื่องไวรัสไปที่จีน เป็นการตอกย้ำความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในสังคมอเมริกันให้ปะทุอย่างต่อเนื่อง
จากรายงานของ “STOP AAPI Hate”(Stop Against Asian American Pacific Islander Hate) หรือ “องค์กรยุติความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก” เมื่อปี 2020 คนเชื้อสายเอเชีย ไม่ว่าจะมีสัญชาติสหรัฐหรือไม่ ตกเป็นเป้าของการถูกคุกคามหรือทำร้าย เนื่องจากความเกลียดชังด้านเชื้อชาติหรือสีผิวในสหรัฐมากกว่า 3,795 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 2,600 ครั้ง
ทั้งนี้เฮตไครม(HateCrime) เป็นการมุ่งทำร้าย ทั้งผ่านคำพูดหรือการกระทำเหล่านี้ ถือเป็นการกระทำผิดทางอาญาที่ผู้กระทำมีเหตุจูงใจจากอคติ หรือความเกลียดชังต่อคนกลุ่มหนึ่งที่มีเอกลักษณ์บางอย่างแตกต่างไปจากตน ทางด้านศาสนา เชื้อชาติ ภาษา ผิวสี และรสนิยมทางเพศ