ชาวเวียดนามสูงวัย 2 คนเสียชีวิต?!? หลังจากฉีดโมเดอร์นาเข็มสอง

1346

รัฐบาลเวียดนามกำลังสอบสวน กรณีประชาชนสูงวัยอย่างน้อยสองคน เสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ของโมเดอร์นาเข็มที่สอง

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2564 สำนักข่าว VietnamNews รายงานกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามออกแถลงการณ์ เมื่อวันอังคาร เรื่องการตรวจสอบการเสียชีวิตของประชาชนอย่างน้อย 2 ราย หลังการได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ของโมเดอร์นา 

กรณีนี้ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค จ.เลิมด่ง แถลงยืนยันพบผู้สูงอายุชาวเวียดนาม 2 คน เป็นชายอายุ 78 ปี และหญิงอายุ 73 ปี เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนของ Moderna เข็มสองภายใน 36 ชม. โดยในห้วง 24 ชม. ไม่มีอาการและผลข้างเคียง บุคคลทั้งสองได้รับวัคซีนเข็มแรกเมื่อวันที่ 6 ส.ค.2564 และเข็มที่สองเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2564 

โรงพยาบาลระบุสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ชายจากอาการปอดบวม มะเร็งปอด และหัวใจล้มเหลว ส่วนผู้หญิงเสียชีวิตจากโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ทั้งนี้ เวียดนามได้รับวัคซีนของ Moderna จากการบริจาคของสหรัฐฯ จำนวน 5 ล้านโดส ผ่านโครงการ COVAX และกำลังเจรจาสั่งซื้อเพิ่มจากบริษัทสหรัฐฯ อีก 5 ล้านโดส

มารู้จักวัคซีนโมเดอร์นาซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกของไทยอีกชนิดหนึ่งกัน

Moderna คือ วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ-1273 ( mRNA-1273) เป็นนวัตกรรมล่าสุด แตกต่างจากวัคซีนทั่วไปที่เป็นโปรตีนหรือเชื้อโรคที่ถูกทำให้ตาย และต่างจากวัคซีนชนิดที่ใช้ไวรัสพาหะ (Viral Vector Vaccine) พัฒนาโดย บริษัท ModernaTX, Inc. สหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

หลังจากคณะกรรมการอาหารและยา ได้ลงนามการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบัน ชื่อยา โมเดอร์นา วัคซีนโควิด-19 “วัคซีนโมเดอร์นา” (Moderna) โดยจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ เมื่อ 13 พ.ค. 2564 และใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยานี้มีอายุจนถึง 12 พ.ค 2565 จึงมีคำถามเกิดขึ้นมากมายถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนทางเลือก ซึ่งสามารถอธิบายเป็นข้อๆดังนี้

หลักการผลิต วัคซีน Moderna (mRNA-1273) เป็นอย่างไร

-ส่วนแรก จะใช้สารพันธุกรรมโมเลกุลที่เรียกว่า mRNA หรือรหัสแม่แบบที่คล้ายหนาม (spike) ของเชื้อ SAR-CoV-2 ที่ก่อโรค Covid-19 เพราะหนาม (Spike) คือ อาวุธสำคัญที่เชื้อจะใช้เพื่อจับที่เซลล์ในร่างกาย ส่งผลให้ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

-ส่วนที่สอง คือ ไขมันอนุภาคนาโน (lipid nanoparticle) ที่ใช้ห่อหุ้ม mRNA เพื่อป้องกันการย่อยสลายจากเอนไซม์ไรโบนิวคลิเอสซึ่งมีอยู่ทั่วร่างกาย

กลไกการออกฤทธิ์ของวัคซีนเป็นอย่างไร

หลังจากฉีดวัคซีน mRNA จะถูกห่อหุ้มด้วยไขมันอนุภาคนาโน แล้วเซลล์ร่างกายในบริเวณที่ฉีดจะกลืนกินไขมันอนุภาคนาโนที่มี mRNA เข้าไป ทำให้เซลล์บริเวณนั้น ผลิตสารโปรตีนคล้ายหนามของเชื้อไวรัส ซึ่งโปรตีนนี้จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สร้างแอนติบอดีขึ้นหรือภูมิต้านทานมาต่อต้าน ”หนาม” ของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 แบบจำเพาะเจาะจง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อสามารถก่อโรคในร่างกายได้

วัคซีนโมเดอร์นามีผลข้างเคียงอย่างไร

จากข้อมูลด้านความปลอดภัย กลุ่มประชากรวิจัย 15,000 คน จากฐานข้อมูลสมาคมโรคติดเชื้อประเทศสหรัฐอเมริกา พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ทั่วไปประมาณ 0.03% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งมีรายงานดังนี้

-อาการข้างเคียงที่ยอมรับได้ เช่น อาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง บางรายมีอาการเหนื่อย ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หนาวสั่น มีไข้ วิงเวียน คลื่นไส้ และสามารถหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วัน

-โอกาสแพ้ยาแบบรุนแรง เช่น หายใจลำบาก ปากบวม หน้าบวม หัวใจเต้นเร็ว ผื่นแพ้ขึ้นทั่วตัวหรือตามร่างกาย มีอัตราส่วน 2.5 : 1,000,000 คน

ข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา

-ผู้ที่เคยแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน หรือเคยฉีดวัคซีนชนิด mRNA ยี่ห้ออื่นแล้วมีอาการแพ้รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด

-ผู้ที่กำลังไม่สบาย มีไข้ หรือสงสัยว่าจะติดโรคโควิด-19 ยังไม่ควรฉีด

-ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต และโรคอื่นๆ รวมทั้งผู้ที่กำลังทานยาโรคประจำตัว สามารถฉีดได้ หากอาการต่างๆ ของโรคคงที่ และได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ประจำตัวของท่าน

-สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร สามารถฉีดได้หากอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ (อ้างอิงจาก กรมอนามัย) ทั้งนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและอื่นๆ ได้มีการฉีดไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าวัคซีนจะสามารถถ่ายทอดจากรกหรือน้ำนมไปสู่ลูกน้อยเพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้จึงขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ที่ดูแลท่าน

-ผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้ออื่นไปก่อนหน้า ควรปรึกษาแพทย์ หากต้องการฉีดซ้ำ

-เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนที่ผลิตออกมาไม่นาน และยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการให้วัคซีนนี้ควบคู่กับวัคซีนอื่นทุกประเภท จึงแนะนำเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาจากการฉีดวัคซีนพร้อมกันและรบกวนการสร้างภูมิคุ้มกัน

อ้างอิงจาก https://www.samitivejhospitals.com