ข่าวกรองสหรัฐ-ตะวันตกสั่งเลี่ยงสนามบินคาบูล?!?อ้างหวั่นกลุ่มติดอาวุธคู่ปรับตาลิบันบุกโจมตี ไม่ขาดคำคาร์บอมบ์ 2 จุด คาดกลุ่มISแผลงฤทธิ์

1459

ความหวาดกลัวเรื่องการโจมตีเพิ่มขึ้นในกรุงคาบูล เพราะสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลียปูดข่าวสั่งพลเมืองของตนออกจากสนามบินทันที แต่ไม่ทันไรก็เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ บริเวณด้านนอกท่าอากาศยานนานาชาติคาบูล และโรงแรมใกล้สนามบิน

Smoke rises from explosion outside the airport in Kabul, Afghanistan, Thursday, Aug. 26, 2021. The explosion went off outside Kabul’s airport, where thousands of people have flocked as they try to flee the Taliban takeover of Afghanistan. Officials offered no casualty count, but a witness said several people appeared to have been killed or wounded Thursday. (AP Photo/Wali Sabawoon)

 

วันที่  27 ส.ค.2564 สนข.BBC, CNN และ Reuters รายงานอย่างพร้อมเพรียงโดยอ้างข้อความของนาย John Kirby โฆษก กห. สหรัฐฯ ผ่านทวิตเตอร์ ยืนยันว่าเกิดเหตุระเบิดบริเวณด้านนอกท่าอากาศยานนานาชาติคาบูล อัฟกานิสถาน โดยยังไม่สามารถยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม กลุ่มตอลีบันกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้หญิงและเด็กอย่างน้อย จำนวน 13 คน รวมทั้งมีกองกำลังตาลิบันจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บด้วย 

ด้าน สนข.Tass ของรัสเซียรายงานอ้างการเปิดเผยของ จนท.สธ.อัฟกานิสถานว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 90 คน และบาดเจ็บ 150 คน ในจำนวนนี้ มีบุคลากรทางทหารของสหรัฐฯ เสียชีวิต 13 คน โดยกลุ่ม Islamic State (IS) อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายออกคำเตือนภัยก่อการร้ายบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติคาบูล จากกลุ่ม IS เพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงและภาพลักษณ์กลุ่มตอลีบัน

สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ได้เรียกร้องให้ประชาชนย้ายออกจากสนามบินนานาชาติในกรุงคาบูล เนื่องจากการคุกคามของการโจมตีโดยกลุ่ม ISIL ในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นรัฐอิสลามในเมืองโคราซาน (ISKP)

คำเตือนมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในขณะที่กองทหารตะวันตกรีบอพยพพลเมืองของพวกเขาและชาวอัฟกันที่เคยร่วมงานให้มากที่สุดก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 สิงหาคม

ชาวอัฟกันและชาวต่างชาติเกือบ 90,000 คน ได้พยายามหลบหนีออกจากอัฟกานิสถานด้วยบริการขนส่งทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯ นับตั้งแต่กลุ่มตอลิบันเข้ายึดครองประเทศเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2564

ฝูงชนจำนวนมากรวมตัวกันในและรอบๆ สนามบิน เริ่มสิ้นหวังมากขึ้นเมื่อต่างประเทศบางประเทศยุติเที่ยวบิน ก่อนกำหนดเส้นตายของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ที่จะยุติการอพยพและถอนทหารสหรัฐฯ ที่ดูแลการอพยพดังกล่าว

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้กำหนดเส้นตายอย่างแข็งกร้าวที่ไบเดนและผู้ช่วยของเขาอ้างในสัปดาห์นี้คือภัยคุกคามผู้ก่อการร้ายจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในระดับภูมิภาค

รัฐบาลสหรัฐและพันธมิตรได้ส่งสัญญาณเตือนภัยพร้อมชุดคำเตือนเฉพาะสำหรับพลเมืองของตนเพื่อหลีกเลี่ยงสนามบินกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯสั่งให้ผู้ที่อยู่ที่ Abbey Gate, East Gate หรือ North Gate ควรออกไปทันที

กระทรวงการต่างประเทศของออสเตรเลียประกาศว่า “มีภัยคุกคามต่อการโจมตีของผู้ก่อการร้ายอย่างต่อเนื่องและสูงมาก หากคุณสามารถออกจากอัฟกานิสถานได้อย่างปลอดภัยด้วยวิธีการอื่น คุณควรดำเนินการทันที”

กลุ่มรัฐอิสลามในอัฟกานิสถาน-ปากีสถานมีส่วนรับผิดชอบต่อการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดในประเทศเหล่านั้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ กลุ่มนี้มุ่งเป้าไปที่ชาวมุสลิมโดยเฉพาะจากนิกายที่ถือว่านอกรีต แต่ในขณะที่ IS และกลุ่มตาลิบันเป็นทั้งกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงของอิสลามิสต์ซุนนี พวกเขาเป็นคู่แข่งกันและต่อต้านซึ่งกันและกัน 

กลุ่มตอลิบานได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีการปกครองที่นุ่มนวลขึ้นแต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์อาจไท่ง่าย เพราะไม่ทันจัดตั้งรัฐบาล สัญญาณสงครามชนเผ่าคู่ปรับก็เริ่มขึ้นแล้ว จะบอกว่าสหรัฐไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้รบกันเอง นั้นยากที่จะเชื่อถือได้ เพราะสหรัฐรุกรานแล้วปกครองเบื้องหลังรัฐบาลหุ่นเชิดมาถึง 10 ปี??

ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งกองทัพสหรัฐเตรียมถล่มกลุ่มไอเอส-โคราซาน ซึ่งก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 จุดในกรุงคาบูล

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงที่กรุงวอชิงตัน สั่งให้หน่วยงานทุกแห่งของสหรัฐ ลดธงชาติครึ่งเสาจนถึงวันที่ 30 ส.ค.นี้ เพื่อไว้อาลัยและเป็นเกียรติแก่ทหารอเมริกัน และพลเรือนอัฟกันซึ่งเสียชีวิตจากเหตุโจมตี “อันไร้เหตุผล” ที่สนามบินคาบูล ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า “จะไม่ลืมและจะไม่มีทางให้อภัยผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ” ต่อมามีรายงานว่า ไบเดนสั่งให้กระทรวงกลาโหมวางแผนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อกลุ่มไอเอส-โคราซาน ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในอัฟกานิสถาน พร้อมทั้งย้ำว่า “ไม่เปลี่ยนใจ” เรื่องกำหนดการถอนทหาร คือภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้