หลังจากที่มีรายงานสถานการณ์โควิดในสหรัฐอเมริกา พบว่ายอดผู้ติดเชื้อยังสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรัฐ “ฟลอริดา” แม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันได้จำนวนมาก แต่ก็ยังพบผู้ติดเชื้อ และสถานรักษาพยาบาลบางแห่ง ก็ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยไว้ได้ทั้งหมด
โดยเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานว่า รัฐฟลอริดาทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ตรวจพบนักเรียนเกือบ 5,600 คน และครูหลายร้อนคน มีผลตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นบวก หรือสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันผล หลังจากเปิดเรียนในโรงเรียนได้ไม่ถึงสัปดาห์
อีกทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า อัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคโควิด-19 ในประชากรวัยผู้ใหญ่ที่อายุ 30-39 ปีแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะอัตราดังกล่าวในกลุ่มผู้สูงอายุ 70 ปีลดลงอยู่ที่ราว 1 ใน 4 ของตัวเลขในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ สัดส่วนเด็กที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนม.ค. ทำให้อัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของกลุ่มประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีนั้น สูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยหลายรัฐ อาทิ จอร์เจีย, เทนเนสซี , เซาท์แคโรไลนา และหลุยเซียนา พบผู้ป่วยเด็กเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟลอริดามีอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดในสหรัฐฯ
ซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐ (HHS) ที่รายงานเมื่อวันศุกร์ (13 ส.ค.) พร้อมเสริมว่าฟลอริดามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 65 รายต่อประชากร 100,000 คน คิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 1,500 ของผู้อยู่อาศัยในรัฐ ซึ่งสูงกว่าอัตราทั่วประเทศกว่า 3 เท่า
และล่าสุดเว็บไซต์ abcNews ได้เผยแพร่ภาพผู้ป่วยที่ล้มลงนอนกับพื้น ระหว่างรอคิวตรวจรักษาโรคโควิด พร้อมกับบอกว่า เธอกลัวว่าจะหายใจไม่ออก อาการเข้าขั้นวิกฤติแล้ว ถ้ายังต้องยืนรอคิวนาน ๆ แบบนี้ ซึ่งขณะที่ยอดติดเชื้อล่าสุดในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มเป็น 90,000 คนต่อวัน ทำให้สะท้อนว่าในบางรัฐ การฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึงและผู้ป่วยบางราย ต้องรอคิวนาน ยังไม่ได้รับการรักษาอย่างดี
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาประเด็นนี้ มักจะมีกลุ่มม็อบ 3 นิ้วมองว่า ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว ปล่อยให้มีผู้ป่วยรอเตียงนาน ยังมีผู้ป่วยเสียชีวิตที่บ้าน และต้องนอนเสียชีวิตข้างถนน ซึ่งหากเทียบกับสถานการณ์ในสหรัฐฯ ไทยยังถือว่ายังพอรับมือได้ และมีเหตุการณ์ในทำนองนี้น้อย เพราะผู้ป่วยอาการไม่หนัก จะได้รับยารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และมีโรงพยาบาลสนามรองรับ ในขณะที่ฟลอริดา กำลังจะกลับมาวิกฤติอีกครั้ง หากตัวเลขติดเชื้อยังพุ่งสูงเช่นนี้
