จากเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้มีมติยกเลิกการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ สุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ.2554 ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์นั้น ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่เห็นด้วย ว่ามีความผิดอะไร ทำไมถึงต้องปลดกัน?!?
ทั้งนี้ลองย้อนถึงพฤติกรรมนายสุชาติ กันสักนิดเพื่อพอให้เห็นว่า นอกจากการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ชัดเจนว่ายืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีพฤติกรรมอื่นที่น่าพิจารณาด้วย เช่น
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 จากการที่ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก นายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ในคดีบุกรุกบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ (ในขณะนั้น) เมื่อช่วงปี 2550
ทำให้ นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ด้วยข้อความว่า “บุก “บ้านป๋า” 2 ปี 8 เดือน ยึด “ทำเนียบ” ยึด “สนามบิน” Sound of Silence”
โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า การโพสต์ดังกล่าวมีรายละเอียดบางส่วนบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ตามคดีหมายเลขดำ อ.4925/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี , นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี , นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี อดีตแกนนำ พธม. และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก ทำเนียบรัฐบาล
โดยศาลฎีกามีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 เห็นว่าจำเลยทั้ง 6 กับพวกกระทำการอุกอาจ บุกรุกเข้ายึดครองทำเนียบรัฐบาลก่อความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินมากมาย หลายรายการ ซึ่งการกระทำนั้นกระทบต่องานบริหารราชการบ้านเมืองของหลายส่วนราชการ และหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้เยียวยาความเสียหายจากการกระทำของตน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 6 เพียงคนละ 8 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ จึงเป็นคุณแก่จำเลยทั้งหกมากแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน จึงพิพากษายืน และมีการนำตัวอดีตแกนนำพันธมิตรฯทั้งหมดไปรับโทษ โดยการคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามคำสั่งศาลฎีกา
ความเป็นจริงคดีดังกล่าวจนถึงปัจจุบันยังคงอยู่ในขั้นตอนการสืบพยานโจทก์ เนื่องจากอัยการโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานไว้จำนวนหลักร้อยปาก และจำเลยทั้่งหมดก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีโดยไม่หลบหนี ยกเว้นบางรายที่เสียชีวิตไปก่อนหน้า แต่คดีดังกล่าวไม่ได้เงียบหายไปตามที่ นายสุชาติ ศิลปินแห่งชาติ ที่มักออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลแสดงความเห็นแต่อย่างใด
ในทางตรงข้าม นายสุชาติ กลับเป็นศิลปินแห่งชาติ ที่ถูกสังคมไทยตั้งคำถามถึงการประพฤติตัว ตามกฎกระทรวงว่าด้วยข้อกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกและประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ 3 )พ.ศ. 2563 โดยการแก้ไข เพิ่มเติม และมีรายละเอียดประเด็นสำคัญ ตอนหนึ่งปรากฎว่า
“หากปรากฏว่าศิลปินแห่งชาติผู้นั้นมีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ คณะกรรมการโดยมติด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อยสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่อาจยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติได้เมื่อได้ยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ใดเป็นศิลปินแห่งชาติตามวรรคสอง ให้งดการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ”
29 พฤษภาคม 2562 นายสุชาติ ยังแชร์ข่าวปลอม นายขวัญชัย “นักมวยราม” ที่เคยชกหน้า” พล.อ.เปรม” ว่าถูกจับกดน้ำตาย จนต้องออกมาโพสต์ขอโทษครอบครัวคุณขวัญชัย และพล.อ.เปรมอย่างทันที
ต่อมาเมื่อมีคนออกมาตอบโต้ อธิบายถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทำให้นายสุชาติ ต้องออกมาโพสต์ข้อความแสดงความเสียใจในการนำแสดงข้อมูลที่ผิดพลาด และขออภัยต่อฯพณฯ พลเอกเปรม และครอบครัวของนายขวัญชัย ระบุว่า
กรณีข่าวเรื่องคุณขวัญชัย วรสุต กับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ผมได้เรียบเรียบข่าวมาจากเรื่องราวในหนังสือพิมพ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2528 บัดนี้ผมได้ทราบข้อเท็จจริงใหม่แล้วจากคุณกังวาฬ พุทธิวนิช ซึ่งเป็นญาติกับครอบครัว “วรสุต” และทราบว่าในปัจจุบัน คุณขวัญชัย วรสุต ยังมีชีวิตอยู่ ตามภาพและเรื่องที่คุณกังวาฬ พุทธิวนิช ได้ทำความจริงให้ปรากฎ
ขอบคุณคุณกังวาฬ พุทธิวนิช ที่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบ ผมรู้สึกเสียใจที่เข้าใจผิดและได้ลบโพสต์เรื่องนี้ของผมเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมไปแล้ว
ขออภัยต่อครอบครัวของคุณขวัญชัย วรสุต ที่ผมไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้มาก่อน และขออภัยต่อ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านมา ณ ที่นี้