จีนจี้สหรัฐชี้แจง?!?สว.มะกันหลุดแชทมีทหารซ่อนในไต้หวัน 3 หมื่นนายเท่ากับละเมิดกฎหมายสากล และประกาศสงคราม สุดท้ายลบโพสต์

1565

วุฒิสมาชิกสหรัฐฯเผย ‘ทหารสหรัฐ 30,000 นายประจำการในเกาะไต้หวัน’ เท่ากับ ‘ประกาศสงครามกับจีน’ หากเป็นความจริง แต่ทวีตถูกลบหลังเกิดการโต้เถียงอย่างกว้างขวางแล้ว และข่าวนี้ได้แพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวางในสื่อเอเชียและสื่อจีน แม้โดยส่วนใหญ่ไม่เชื่อ แต่ก็นำความหวาดระแวงแพร่ไปทั่วอย่างไม่อาจยับยั้ง

วุฒิสมาชิกอาวุโสของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการคัดเลือกวุฒิสภาด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า สหรัฐฯ มีทหาร 30,000 นายประจำการอยู่ที่เกาะไต้หวันของจีน หากทวีตนี้ถูกต้อง แสดงว่าเป็นการบุกรุกทางทหารและการยึดครองไต้หวันของจีน และเทียบเท่ากับที่สหรัฐฯ ประกาศสงครามกับจีน จีนสามารถเปิดใช้กฎหมายต่อต้านการแบ่งแยกดินแดนในทันทีเพื่อทำลายและขับไล่กองทหารสหรัฐในไต้หวัน และรวมไต้หวันทางการทหาร ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งข้อสังเกต 

หลายคนเชื่อว่าข่าวที่วุฒิสมาชิกสหรัฐรั่วไหลออกมานั้นไม่เป็นความจริง เพราะ 30,000 นั้นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยที่กองทัพสหรัฐฯ สามารถซ่อนและไม่ถูกสังเกตได้บนเกาะนี้ และสหรัฐฯ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรจากการไปประจำการที่กองทัพสหรัฐฯ บนเกาะนี้ การเสียสละผลประโยชน์ของตนเองเพื่อตอบสนองผู้แบ่งแยกดินแดนของไต้หวันก็ไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ ทำในอัฟกานิสถาน 

ในทวีต วุฒิสมาชิกจอห์น คอร์นิน(John Cornyn) ระบุจำนวนทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ เยอรมนี ญี่ปุ่น ไต้หวันของจีน และในทวีปแอฟริกา เพื่อแสดงให้เห็นว่าจำนวนทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานลดน้อยลงเพียงใด แต่ในกระบวนการนี้ Cornyn ได้เปิดเผยข่าวที่น่าตกใจว่ามีทหารสหรัฐ 30,000 นายในเกาะไต้หวันของจีน ทวีตของเขาทำให้เกิดกระแสความสงสัยในหมู่ชาวเน็ต โดยมีหลายคนแสดงความคิดเห็นด้านล่างทวีตของเขาว่า “ทำไมสหรัฐฯ ยังมีทหารอยู่ในไต้หวัน” “กองทัพสหรัฐฯ จึงมีหน่วยลับในไต้หวัน” “คอร์นนี่คงจำตัวเลขผิด” และ “นี่ควรจะเป็นก่อนปี 2522มั้ง” 

Cornyn ไม่ได้ลบทวีตของเขาทันทีหรือแก้ไขใดๆ หลังจากที่เขาโพสต์เมื่อเช้าวันอังคารที่ 17 ส.ค.2564 เขาลบทวีตออกไปจนกระทั่งภายหลังทวีตของเขาจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งและความสนใจของสื่อ

ทั้งวุฒิสมาชิกและรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับทวีตดังกล่าว สำนักข่าว SETN.com ของไต้หวันรายงานเมื่อวันอังคารว่า “แผนกป้องกัน” ของเกาะไต้หวันได้ปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจ โดยระบุว่ามันผิดและจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาอาวุโสจากเท็กซัส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพรรครีพับลิกันวุฒิสภาเสียงข้างมากในรัฐสภาครั้งที่ 114 และ 115 และปัจจุบันเป็นสมาชิกของคณะกรรมการคัดเลือกวุฒิสภาสหรัฐด้านข่าวกรอง Cornyn ควรตระหนักถึงข่าวกรองทางทหารของรัฐบาลสหรัฐฯ และจะว่าพลั้งเผลอหรือโยนหินถามทางก็มีความเป็นไปได้

หลี่ ไฮดง(Li Haidong) ศาสตราจารย์แห่งสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ China Foreign Affairs University กล่าวว่าข่าวที่ไร้สาระและน่าตกใจดังกล่าวมีแนวโน้มว่าเป็นผลมาจากวัยชราของวุฒิสมาชิกที่ทำให้เขาสับสนเกี่ยวกับข้อมูลที่มีข้อมูลก่อนหน้าในปี 1970 หรือ 1960 แต่เราต้องรับทราบว่ายังมีสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐบางคนกำลังสร้างข้อมูลเพื่อส่งเสริมอาชีพทางการเมืองของพวกเขา

หลี่กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดหรือโฆษณาชวนเชื่อ เราสามารถเห็นนักการเมืองสหรัฐฯ ขาดความอ่อนไหวทางการเมือง และขาดความรับผิดชอบในการแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสยดสยอง  

“ฉันขอเลือกที่จะไม่เชื่อว่านี่เป็นกรณีจริง” ซ่ง จงผิง ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของจีนและผู้บรรยายรายการทีวี กล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถปกปิดทหาร 30,000 นายพร้อมทั้งยุทโธปกรณ์ในเกาะได้ สหรัฐฯ จะไม่กล้าหรือเสี่ยงเช่นนั้น แต่เราไม่สามารถแยกแยะความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะส่งทหารจำนวนดังกล่าวออกไปเมื่อเกิดความขัดแย้งทางทหารในช่องแคบไต้หวันในวันใดวันหนึ่ง 

หากสหรัฐฯ และจีนทำสงครามกันเพราะสหรัฐฯ ส่งทหารไปประจำการที่เกาะไต้หวันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ว่าจะ 30,000 หรือ 1,000 คน ก็ไม่คุ้มราคาที่สหรัฐจะจ่ายและสหรัฐฯ ก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่สหรัฐฯ จะโง่พอที่จะเสียสละตัวเองเพื่อตอบสนองกลุ่มแบ่งแยกดินแดนของไต้หวัน 

นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ ยอมเสียสละพันธมิตรเพื่อสนองความต้องการและผลประโยชน์ของตน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน เวียดนาม อิรัก และซีเรียเป็นหลักฐาน 

นอกจากนี้วันที่ 17 สิงหาคม เป็นวันเฉลิมฉลองการลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน (1982) ซึ่งเกิดขึ้นได้สำเร็จหลังจากการเจรจาโต้เถียงกันเรื่องการขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้ไต้หวัน และยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน 

โดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวที่เผยแพร่ในวันพิเศษนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและทำให้สาธารณชนรู้สึกว่าสหรัฐฯ อาจกลับคำพูดของตนตามที่แถลงการณ์ระบุ หรือว่าสหรัฐฯ กำลังพยายามตรวจสอบปฏิกิริยาของจีนเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านการล้อเลียนหรือไม่ ทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และทางการไต้หวันเงียบกริบปล่อยสื่อว่ากันเอง