ตำรวจฮ่องกงบุกจับผู้นำนักศึกษา 4 คนจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ฐานมีพฤติกรรมที่เข้าข่าย “สนับสนุนการก่อการร้าย” (advocating terrorism)
วันพุธที่ 18 ส.ค.2564 สำนักข่าวซินหัวและซีจีทีเอ็นรายงานว่า ตำรวจฮ่องกงเข้าจับกุมนักศึกษา 4 คน ฐานสนับสนุนการก่อการร้าย ผู้ถูกจับกุมซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงทุกคน ถูกสงสัยว่าละเมิดมาตรา 27 ของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง และยังคงถูกควบคุมตัว
ผู้กำกับอาวุโส หลี่ ไคว-วา (Li Kwai-wah) จากแผนกความมั่นคงแห่งชาติของกองกำลังตำรวจฮ่องกง กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยซึ่งมีอายุระหว่าง 18 ถึง 20 ปีมีส่วนร่วมในการประชุมสหภาพนักศึกษาเมื่อเดือนที่แล้วที่ไว้ทุกข์และยกย่องชายคนหนึ่งที่แทงเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่จะฆ่าตัวตายที่คอสเวย์เบย์
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ผู้ถูกจับกุมรวมถึงอดีตประธานสหภาพนักศึกษา Charles Kwok Wing-ho และประธานสภาสหภาพแรงงาน Kinson Cheung King-sang
หลี่ ไคว-วา (Li Kwai-wah) เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากตำรวจหน่วยพิทักษ์ความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกง ระบุว่า คำแถลงของกลุ่มนักศึกษาที่มีขึ้นหลังเกิดเหตุชายวัย 50 ปีใช้มีดแทงตำรวจเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นสาเหตุที่นำมาสู่การออกหมายจับแกนนำนักศึกษาทั้ง 4 คนในวันที่18 ส.ค.2564
หลี่ ระบุว่า“ชาย 4 คนที่อายุระหว่าง 18-20 ปีถูกจับกุมในวันนี้ โดยทั้งหมดเป็นสมาชิกของสหภาพนักศึกษา และสภาสหภาพนักศึกษามหาวิทยาลัยฮ่องกง”
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2564 เหลียง จินไฝ่ วัย 50 ปี ได้ก่อเหตุใช้มีดแทงตำรวจบาดเจ็บที่ย่านการค้าในคอสเวย์เบย์ ก่อนจะใช้มีดเล่มเดียวกันแทงตัวเองจนเสียชีวิต ซึ่งทางการฮ่องกงระบุว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่าย“ก่อการร้ายภายในประเทศ” ตำรวจวัย 28 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ปอด แต่รอดชีวิตมาได้
คริส ถัง รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง อธิบายว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในกลุ่มชื่อ “หมาป่าเดียวดาย ” เขากล่าวเสริมว่า“ไม่ใช่แค่ผู้โจมตีเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ แต่ยังรวมถึงผู้คนจำนวนมากที่มักสนับสนุนความรุนแรง ยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อประเทศ และระบายสีการโจมตีและการกระทำรุนแรงเหล่านี้”
หลังจากนั้นไม่นาน สหภาพนักศึกษามหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU) ก็ได้ออกคำแถลงแสดงความ “เสียใจอย่างสุดซึ้ง” ต่อการจากไปของมือมีดรายนี้ และยังยกย่อง “การเสียสละ” ของเขาด้วย
ปรากฏว่าคำแถลงดังกล่าวเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จนกระทั่งทางสหภาพนักศึกษาเองต้องออกมาขอโทษและแก้ไขถ้อยคำเสียใหม่
หลี่ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า“คำแถลงดังกล่าวถือเป็นการยกย่องเชิดชูพฤติกรรมก่อการร้าย และการโจมตีแบบไม่เลือกหน้า และยังสนับสนุนให้คนฆ่าตัวตายด้วยซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานทางศีลธรรม”
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจฮ่องกงได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของสหภาพนักศึกษา HKU รวมถึงสถานีโทรทัศน์ของมหาวิทยาลัย และสำนักงานกิจการนักศึกษาระดับปริญญาตรี ขณะที่ผู้บริหารของ HKU ก็ประกาศคำสั่งแบนสมาชิกสภาสหภาพนักศึกษาด้วย
ทั้งนี้ ความผิดฐานสนับสนุนการก่อการร้ายมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และถือเป็นความผิดตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนนำมาบังคับใช้กับฮ่องกงตั้งแต่ปีที่แล้ว
การจับกุมครั้งนี้ นับเป็นการใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่เข้มงวดครั้งล่าสุดซึ่งปักกิ่งบังคับใช้กับฮ่องกงกึ่งปกครองตนเองเมื่อปีที่แล้ว หลังจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลายเดือนในปี 2019 การประท้วงมักนำไปสู่การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจ และต่อมามีการสืบสวนสอบสวนแกนนำทั้งในกลุ่มนักศึกษา สื่อมวลชน พบหลักฐานทั้งการเชื่อมโยงด้านการเงิน และพฤติกรรมต่อเนื่องในการส่งเสริมการแยกฮ่องกงเป็นอิสระ สนับสนุนความรุนแรง ตลอดจนเชื่อมโยงเครือข่ายต่างชาติอย่างชัดเจน จนกระทั่งมีการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งฮ่องกงฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาเข้มงวด โดยเฉพาะด้านความมั่นคงแห่งชาติ จึงเกิดภาพจับกุมแกนนำในองค์กรต่างๆอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
นางแคร์รี แลม ผู้บริหารปกครองพิเศษฮ่องกง เผยคำเตือนครั้งล่าสุดไปถึงกลุ่มภาคสังคมและพลเรือนว่า รัฐบาลอาจตัดความสัมพันธ์กับกลุ่มสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในฮ่องกง และกลุ่มองค์กรใดก็ตาม หากยังมีพฤติกรรมที่เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมือง และอาจเข้าไปแทรกแซงหากมีความจำเป็นถ้า บุคคล องค์กรใดที่มีพฤติกรรมแบ่งแยกความเป็นหนึ่งเดียวกันของฮ่องกง และหรือสนับสนุนความรุนแรง การก่อการร้ายภายในประเทศ