การล่มสลายของรัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐหนุน เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในระเบียบโลกและการจัดวางภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ของแนวรบตะวันออกกลางอย่างที่สหรัฐฯอาจไม่ได้คาดคิดมาก่อน ด้วยความช่วยเหลือของรัสเซีย จีนจะแทนที่สหรัฐฯอย่างรวดเร็วในฐานะประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เดิมนั้นย่านเอเชียใต้ล้อมรอบด้วยพันธมิตรนาโต้บีบคั้นจีน-รัสเซียมานาน มาบัดนี้ โอกาสที่ตอลิบันมีต่อการเปลี่ยนผ่านสู่สถานะใหม่ ต้องได้รับการสนับสนุนจากจีนและรัสเซียอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะสหรัฐและประเทศพันธมิตรนาโต้ยังคงมีท่าทีที่แข็งกร้าวไม่ยอมรับ ขณะที่จีน-รัสเซียแสดงท่าทีพร้อมหนุนสร้างความมั่นคงและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
เมื่ออาฟกานิสถานเข้มแข็งขึ้นมา ประเทศนี้ก็อาจสานสัมพันธ์กับกองกำลังปฏิวัติอิหร่าน กลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ เฮสบอเลาะห์ในเลบานอน รัฐบาลซีเรียและรัฐบาลอิรัก กลุ่มติดอาวุธในอิรัก เพื่อต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา ก็มีความเป็นไปได้ เมื่อศัตรูที่แท้จริงในสายตาของสหรัฐ-อิสราเอลคืออิหร่าน วันใดที่กองกำลังสู้รบของฝ่ายตรงข้ามเข้มแข็ง ยิวไซออนนิสต์ย่อมไม่อาจนิ่งเฉย ภายใต้สถานการณ์ใหม่เช่นนี้ ดูเหมือนว่าจีน-รัสเซีย-พันธมิตรเซี่ยงไฮ้จะได้เปรียบ แต่ก็ไม่อาจประมาท สหรัฐและอิสราเอลได้
ล่าสุดตอลิบันประกาศนิรโทษกรรมทั่วประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ผู้หญิงเข้าร่วมกับรัฐบาล ยืนยันไม่มีการบังคับเข้าศาสนา คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะทำได้จริงอย่างที่กล่าวหรือไม่ เพราะภาพจำของอดีตยังไม่ลบเลือน
วันที่ 17 สิงหาคม 2564 เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า กลุ่มตอลิบันได้ประกาศการนิรโทษกรรมทั่วอัฟกานิสถาน พร้อมเรียกร้องให้ผู้หญิงเข้าร่วมกับรัฐบาล เพื่อพยายามบรรเทาความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ขณะที่วันก่อนปรากฏภาพความโกลาหลที่สนามบิน ระหว่างที่ผู้คนพยายามหนีจากการปกครองของกลุ่มตอลิบัน
เอ็นนามูลลาห์ ซามันกานิ สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรมของกลุ่มตอลีบัน เป็นคนแรกที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องการปกครองประเทศจากรัฐบาลกลาง หลังการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบทั่วประเทศ แม้จะไม่มีรายงานการล่วงละเมิดหรือการต่อสู้ในกรุงคาบูล แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงหลบอยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว หลังการยึดครองของกลุ่มที่มีภาพจำเข้มงวดรุนแรง ขณะที่เรือนจำหลายแห่งว่างเปล่า และคลังอาวุธถูกปล้น
คนรุ่นเก่ายังคงจดจำแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดขั้วของกลุ่มตอลิบัน ในระหว่างที่กลุ่มตาลีบันปกครองประเทศ ก่อนการรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯ อ้างการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ตึกแฝดเวิร์ลดเทรดของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน เขากล่าวเพิ่มเติมว่า โครงสร้างของรัฐบาลยังไม่ชัดเจนนัก แต่จากประสบการณ์ ควรมีผู้นำอิสลามเต็มตัว และทุกฝ่ายควรเข้าร่วมในการเปลี่ยนผ่าน
ซามันกานิ กล่าวว่า ประชาชนรู้กฎของกฎหมายอิสลาม และกลุ่มตอลีบันคาดหวังให้พวกเขาปฏิบัติตาม “ประชาชนของเราเป็นชาวมุสลิมอยู่แล้ว และพวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อบังคับให้พวกเขาเข้าศาสนาอิสลามแต่อย่างใด”
การตอบสนองของชาวตะวันตกส่วนใหญ่ต่อสถานการณ์ใหม่ในอาฟกานิสถานเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นักการทูต นักข่าว เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ และคนอื่นๆ แห่กันไปที่สนามบินคาบูลเพื่อหลบหนีอัฟกานิสถานให้เร็วที่สุด ในทางตรงกันข้าม รัสเซียและจีนยังคงสงบนิ่ง
ดมิตทรี ซีนอฟ(Dmitry Zhirnov) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงคาบูลแสดงความมั่นใจในคำมั่นสัญญาของกลุ่มตอลิบันว่า“นักการทูตรัสเซียจะไม่ได้รับอันตรายแม้แต่เส้นผม”
แนวทางสองแบบ จะหนีหรืออยู่ของต่างชาติที่อยู่ในอาฟกานิสถาน สะท้อนว่าประเทศตะวันตกกับรัสเซียและจีนต่างมองความสัมพันธ์ในอนาคตของพวกเขากับอัฟกานิสถานที่นำโดยตอลิบันต่างกัน ทางเลือกนโยบายสองทางเป็นไปตามธรรมชาติจากแนวทางเหล่านี้ การแยกตัวและการบีบบังคับในด้านหนึ่ง หรือการมีส่วนร่วมและการใช้ประโยชน์จากอีกทางหนึ่ง จะเห็นได้จากท่าทีของทั้งสหรัฐ-ตะวันตก และรัสเซีย-จีนมีท่าทีต่ออัฟกานิสถานภายใต้ตอลิบันต่างกันมาก
โดมินิค แรบบ์(Dominic Raab) รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ออกตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสนับสนุนตัวเลือกที่หนึ่ง ยกประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้น และออกคำขู่ที่ค่อนข้างว่างเปล่า เขากล่าวว่า”สหราชอาณาจักรต้องการส่งสัญญาณให้ชัดเจนกับกลุ่มตอลิบันว่าเราจะจัดการกับพวกเขา” เมื่อถูกถามว่าเป็นไปได้อย่างไร แรบบ์กล่าวว่า”เป็นการทำงานร่วมกับพันธมิตรของเราผ่านกลยุทธ์ทุกอย่าง ตั้งแต่การคว่ำบาตร ODA หรือความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการ ที่เราจะระงับไม่สนับสนุนอีกต่อไป”
คำพูดที่ออกมาจากปักกิ่งและมอสโกนั้นแตกต่างจากการพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนและการคว่ำบาตรของสหราชอาณาจักร โดยเน้นที่ความปลอดภัยและการมีส่วนร่วม ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของอัฟกานิสถาน ชาวจีนและรัสเซียต่างกังวลเป็นหลักในการทำให้ประเทศไม่กลายเป็นที่หลบภัยของผู้ก่อการร้ายอีก และความไร้เสถียรภาพนั้นไม่ได้แผ่ขยายข้ามพรมแดนไปยังสวนหลังบ้านของพวกเขาเอง
ด้าน ซามีร์ คาบูลอฟ ผู้แทนรัสเซียประจำอัฟกานิสถาน กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า “หากเราเปรียบเทียบความสามารถในการเจรจาต่อรองของเพื่อนร่วมงานและหุ้นส่วน ฉันตัดสินใจมานานแล้วว่ากลุ่มตอลิบันสามารถบรรลุข้อตกลงได้มากกว่า รัฐบาลหุ่นเชิดในกรุงคาบูล” เครมลินมีประสบการณ์ตรง โดยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมของเจ้าหน้าที่ด้านการเมืองทั้งของรัฐบาลในอดีตและกลุ่มตอลิบันเพื่อพูดคุยในมอสโก มาก่อนหน้านี้
อันโตนิโอ จิอุสตอซซี(Giustozzi) หนึ่งในนักวิเคราะห์ชาวตะวันตกที่ดีที่สุดของอัฟกานิสถาน ให้ความเห็นว่ากลุ่มตอลิบันดูเหมือนจะนึกถึงรัฐบาลผสมบางประเภท“เป็นการผสมผสานองค์ประกอบของระบอบการปกครองก่อนหน้านี้” เขาตั้งข้อสังเกตว่า“กลุ่มตอลิบันยังติดต่อกับพวกเทคโนแครตและข้าราชการระดับกลาง โดยเชิญพวกเขาให้อยู่ในประเทศเพื่อรับใช้รัฐบาลชุดต่อไป” กล่าวอีกนัยหนึ่งกลุ่มตอลิบัน มองด้านประสานประโยชน์มากขึ้น และนี่หมายความว่าอาจมีการแบ่งปันผลประโยชน์บางอย่างจากการทำงานร่วมกับพวกเขา
ในขณะเดียวกัน กองกำลังระหว่างประเทศที่ชัดเจนที่จะเข้ามาแทนที่สหรัฐอเมริกาและนาโต้ในฐานะผู้ค้ำประกันความมั่นคงในภูมิภาคก็คือ องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) สมาชิกรวมถึงเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ของอัฟกานิสถาน รวมถึงรัสเซีย จีน ปากีสถาน และอิหร่าน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทางด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อ้างว่าสาเหตุที่ทำให้ตอลิบานยึดอัฟกานิสถานได้เป็นเพราะผู้นำการเมืองอัฟกันยอมแพ้และหลบหนีออกนอกประเทศ อีกทั้งทหารอัฟกันเองก็ไม่มีความพยายามที่จะต่อสู้ แต่ไม่พูดถึงผลงานอันล้มเหลวของตัวเองแม้แต่น้อย และในที่สุดก็ใช้มุกเก่ายึดเงินของประเทศอื่นตามอำเภอใจเหมือนทำกับเวเนซูเอลา อิหร่าน รัสเซีย
สหรัฐอายัดทรัพย์สินแบงก์ชาติอัฟกันเกือบ 9.5 พันล้านดอลล์ อ้างเพื่อสกัดตอลีบันเข้าถึงแหล่งเงิน ซึ่งเงินเหล่านี้ฝากอยู่ในบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขานิวยอร์ก และสถาบันการเงินอีกหลายแห่งในสหรัฐ