ขยับแล้ว!? ผบ.ตร. ลั่นพร้อมจัดหนัก ใช้ทุกวิธีตามกม. รัมมือม็อบ 7 สิงหา แกนนำทำผิดซ้ำ อย่าหวังจะรอดคุก

1598

จากกรณีที่ เปลวสีเงิน ได้ออกมาถ่ายทอดบทความ ฝากไปถึงพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข และบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่จริงจังกับการจัดการม็อบ และปล่อยให้แกนนำยังมีการโพสต์ปลุกระดม

โดยระบุบางตอนว่า “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ครับ ในฐานะท่านเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” จะเอายังไงกับกองโจรเปิดหน้ากบฏบ้าน-กบฏเมือง? ท่านออกมาพูด-มาแถลง ถึงทิศทางปฏิบัติการกับคนเหล่านั้น ให้ชาวบ้านได้คลายความมึนงงสงสัยในบทบาท หน้าที่นายใหญ่ของท่านซักครั้งเถอะ ท่านอย่าแปลง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ให้เป็น “สำนักปฏิบัติธรรม” เลยครับ อย่าว่าแต่พิทักษ์สันติราษฎร์เลย กับพระเจ้าแผ่นดินยังทำให้ไม่ได้เลย!!

ล่าสุดทางด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่าย ถึงการรับมือกับม็อบในวันที่ 7 ส.ค. นี้ ซึ่งประกอบไปด้วย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ดูแลความมั่นคง , พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วยผบ.ตร. , พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผบ.ตร., พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ,พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ปฏิบัติราชการบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดบช.ก. บช.ส. บช.สอท. ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในการดูแลการชุมนุมของกลุ่มเคลื่อนไหวทาง การเมืองในวันที่ 7 ส.ค.

โดยมีกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free Youth นัดหมายเริ่มเวลา 13.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนไปพระบรมหาราชวัง , กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายธนเดช หรือม่อน ศรีสงคราม นัดหมายยังไม่ทราบเวลา ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จัดกิจกรรมในลักษณะ CarMob 2 ล้อ เคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผย ว่า การประชุมดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยมีบช.น.เป็นหลักและมีฝ่ายสนับสนุน ที่อาจจะมีความจำเป็นที่ต้องใช้กำลังจากตำรวจต่างจังหวัดเข้าค่อนข้างมาก

ตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค. 63 ที่ผ่านมา มีการชุมนุมในประเทศจนถึงปัจจุบัน 2,233 ครั้ง มีคดีที่เกี่ยวกับเฉพาะการชุมนุม 524 คดี กรณีดังกล่าวเป็นภาระที่บั่นทอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตำรวจไม่เคยบ่น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำ และเป็นภาระของประเทศชาติในสภาวะที่บ้านเมืองยากลำบาก ประชาชนยากลำบากเรื่องของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อยากจะฝากว่าจะกระทำการอะไรอย่าได้ซ้ำเติมความเดือดร้อนความเสียหายสุดท้ายก็เกิดขึ้นกับประเทศชาติ สังคมโดยส่วนรวมขอให้คิดให้ดี คนที่กระทำผิดซ้ำคดีทุกเรื่อง

ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีทุกเรื่องไม่เคยปล่อยปละละเลย เมื่อถึงวันหนึ่ง แม้ว่าการดำเนินคดีจะช้าบ้างทุกคดีต้องมีผลลัพธ์ออกมา ขอให้ตระหนักถึงสิ่งที่ท่านทำมีผลกระทบอะไรบ้าง กรณีการชุมนุมที่จะถึงดังกล่าวก็มีการกล่าวพาดพิง มีการกล่าวถึงของประชาชนจำนวนมาก รู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม ทำร้ายจิตใจ ทำลายความรู้สึกพูดพาดพิงถึงสถาบันซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวของคนในสังคม

เมื่อถามว่า การชุมนุมดังกล่าวจะมีความรุนแรงมากน้อยอย่างไรนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า กรณีที่ผ่านมา การชุมนุมมีการใช้อาวุธ บางครั้งหลังจากเลิกการชุมนุมแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง แตกตัวเป็นกลุ่มย่อย เล็กบ้างใหญ่บ้างกระจัดกระจายไป ไปสร้างความเสียหายกับที่ต่าง ๆ ทำร้ายเจ้าหน้าที่บ้าง เผาทรัพย์สินบ้าง ลักษณะเหมือนคึกคะนอง ตำรวจจะพยายามปรับยุทธวิธีจัดการให้ได้ โดยเฉพาะกรณีที่จะไปทำลายสมบัติของแผ่นดิน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด ส่วนมาตรการดำเนินการนั้น เรามีแต่ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของยุทธวิธี แต่ก็ปรับไปโดยเอาบทเรียนเก่ามาศึกษา รวมถึงการยั่วยุก็มีการสั่งกำชับการปฏิบัติอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องตรวจสอบว่ามีการมาลักษณะรูปแบบใดปรับเปลี่ยนไปตามหน้างาน ส่วนของแกนนำที่มีคดีติดตัวนั้น กรณีที่มีการดำเนินคดี 500 กว่าเรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีทุกเรื่อง คดีมีค้างอยู่เป็นจำนวนมากทั้งในชั้นศาล ทั้งชั้นอัยการ ทั้งที่เกิดขึ้นใหม่ ทางเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการให้เสร็จสิ้น ใครออกหมายจับได้ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับเพื่อดำเนินการจับกุมตัว บางรายพยานหลักฐานไม่เพียงพอก็พยายามรวบรวม

ส่วนกรณีแกนนำที่มีการออกมาชุมนุมมีคดีติดตัวจะดำเนินการจับกุมหรือไม่นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวต้องตัดสินใจกันหน้างาน ส่วนกรณีพื้นที่ความปลอดภัยในการทำงานของผู้สื่อข่าวนั้น อยากให้ผู้สื่อข่าวประสานกับผู้คุมกำลังบริเวณที่ไป โดยต้องมีการแจ้ง

ตนจะจัดเจ้าหน้าที่ทีมโฆษกเป็นผู้ประสานงาน เนื่องจากไปเองผู้คุมกำลังก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร ทั้งนี้เพื่อให้อยู่ในพื้นที่ ที่สบายใจซึ่งกันและกัน ผู้สื่อข่าวทำหน้าที่ได้ในระดับหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำหน้าที่ในระดับหนึ่ง และควรหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต่อไป