WHO ปลื้มจีนบริจาควัคซีนเพิ่มอีก 2 พันล้านโดส!?!ภายในปีนี้ พร้อมมอบเงิน 100 ล้านดอลลาร์ให้ประเทศยากจนผ่านCovax

1332

จีนจะกลายเป็นผู้ให้บริการวัคซีน COVID-19 รายใหญ่ที่สุดท่ามกลางความเชื่องช้าของตะวันตกในการทำตามสัญญา ทั้งๆที่โฆษณาไปทั่วโลกแล้วว่าจะให้ แต่ปธน.สี จิ้นผิงไม่อืดอาดให้คำมั่นสัญญาว่าจะบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 พันล้านโดสแก่ประเทศอื่นๆ ในปี 2564และบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการจำหน่ายวัคซีน Covax ทั่วโลกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เท่ากับช่วยปิดจุดอ่อนช่องว่างที่เพิ่มขึ้น ระหว่างอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศที่ร่ำรวยและยากจนซึ่งเป็นความกังวลอย่างยิ่งขององค์การอนามัยโลก เพราะขณะประเทศยากจนยังไม้ได้ฉีดซักเข็ม ประเทศมหาอำนาจตะวันตกยังคงกักตุนไว้ใช้เองและเริ่มฉีดเข็มสามแล้ว ปรากฎการณ์เช่นนี้สะท้อนความเห็นแก่ตัวของชาติตะวันตกอย่างหมดเปลือก

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ส.ค.2564 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรกล่าวว่าจีนสัญญาจะมอบวัคซีนต้านโควิด -19 จำนวน 2 พันล้านโดสไปยังประเทศอื่นๆ ในปี 2564 และจะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการแจกจ่ายวัคซีน Covax ทั่วโลกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา 

สีกล่าวว่า“จีนจะพยายามอย่างเต็มที่ต่อไปเพื่อช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนารับมือกับโรคระบาดใหญ่ให้ได้” เขาคาดว่าโครงการโคแว็กซ์นี้จะส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนอย่างยุติธรรมทั่วโลก ส่งเสริมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในประเทศกำลังพัฒนา และนำไปสู่ความสำเร็จในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่โควิด-19″

ซา เดาจอง(Zha Daojiong) ศาสตราจารย์ด้านประเทศกำลังพัฒนา มหาวิทยาลัยปักกิ่ง,กล่าวว่า “โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลักสามประการ คือ1) การเข้าถึงวัคซีนต่ำ 2)ประสิทธิภาพที่ลดลงของวัคซีนที่มีอยู่ในการต่อต้านการกลายพันธุ์ และ3)การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรายต่างๆ ในตลาดต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาเลือกวัคซีนได้ยากขึ้น เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ ในโรงเรียนการศึกษานานาชาติ และสถาบันความร่วมมือและการพัฒนา

เขากล่าวว่า การประชุมในวันพฤหัสบดีจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตจีนและต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตวัคซีนที่จีนพัฒนาขึ้นในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งระหว่างประเทศได้

เถา ลีน่า ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนจากเซี่ยงไฮ้ (Tao Lina, a Shanghai-based vaccine expert)กล่าวว่า จีนสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ 5 พันล้านโดสต่อปี และต้องการเพียงครึ่งเดียวในการฉีดวัคซีนให้กับผู้คน 1.4 พันล้านคน ซึ่งหมายความว่าจีนสามารถจัดหาวัคซีนจำนวนมากให้กับโลกได้

แต่งานหลักในขั้นตอนปัจจุบัน คือการรวมตัวของประชาคมระหว่างประเทศและละเว้นความแตกต่างทางอุดมการณ์เพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่เพื่อจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับโลก

 

แม้ทุกฝ่ายเชื่อในคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ แม้จะมีความล่าช้าไปบ้าง  สำหรับมหาอำนาจสหรัฐฯ ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากักตุนปริมาณวัคซีนมากเกินความจำเป็น ได้จัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้ว กว่า 110 ล้านโดสไปยัง 65 ประเทศและภูมิภาค ตัวเลขดังกล่าวนั้นยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายของทำเนียบขาว ที่กำหนดไว้ว่าในเดือนมิถุนายนที่จะส่งมอบ 80 ล้านโดสในต่างประเทศด้วยมีความล่าช้าด้านการขนส่ง   นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวที่ล่าช้าเพื่อทำตามคำมั่นสัญญา ผู้ผลิตในสหรัฐฯ ยังขึ้นราคาสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนในขณะที่วัคซีนมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความแปรปรวนของเดลต้า ทำให้เกิดแรงกดดันและความกังวลมากขึ้นต่อประเทศกำลังพัฒนา และประเทศยากจนที่ต้องการเข้าถึงวัคซีน

 

นสพ.Financial Times รายงานเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2564 ไฟเซอร์ได้ขึ้นราคาวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากกว่าหนึ่งในสี่และโมเดิร์นนาขึ้นมากกว่าหนึ่งในสิบในสัญญาการจัดหาล่าสุดของสหภาพยุโรป เนื่องจากยุโรปต่อสู้กับการหยุดชะงักของอุปทานและความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง 

แม้ว่าสหรัฐฯ จะบอกว่าจะบริจาควัคซีนให้กับประเทศกำลังพัฒนา แต่พวกเขาจะบริจาคผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถขายได้ในตลาดในประเทศของตน หรือที่ไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศ เช่น วัคซีน AstraZeneca และของประเทศอื่นๆ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากไม่มีวัคซีนของจีน จะมีทางเลือกน้อยลงสำหรับประเทศกำลังพัฒนาและภูมิภาค และความเหลื่อมล้ำมากขึ้นในการกระจายวัคซีนทั่วโลกอย่างแน่นอน