“เปลว สีเงิน” จัดหนัก ผบ.ตร.อย่าว่าแต่พิทักษ์สันติราษฎร์เลย กับพระเจ้าแผ่นดินยังทำให้ไม่ได้เลย!!

3488

หลังจากที่มีสถานการณ์ม็อบ ออกมาชุมนุมอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ก็เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน ว่าท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่กำลังรุนแรง ควรต้องงดการรวมตัวชุมนุม และฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง

เนื่องจากประชาชนคนทำงาน หาเช้ากินค่ำ และหลากหลายอาชีพ ต่างให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ยอมลดการเดินทาง ทำงานที่บ้าน ปิดสถานที่ ห้างร้านต่าง ๆ เพื่อหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับเปิดทางให้กลุ่มม็อบออกมาชุมนุม ซึ่งเสี่ยงจะแพร่เชื้อโควิดได้ และยังไม่มีมาตรการที่จะจัดการเด็ดขาดกับม็อบนั้น

ล่าสุด เปลวสีเงิน ได้ถ่ายทอดบทความ ฝากไปถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” และบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่า “ด้วยคิดถึงนะ…ตำรวจ” มีแต่คนถาม “ผบ.ตร.” ไปไหน ผมก็ตอบไปตามตรง

“ไม่รู้เหมือนกัน” คือไม่รู้จริง ๆ เพราะไม่เคยเห็นหน้าท่านเลย ไม่ว่ายามปกติหรือยามไม่ปกติ ขนาดขบวนการสามนิ้วออกมาคุกคามบ้านเมืองแบบกองโจร ประกาศจะล้มรัฐบาล-ไล่นายกฯ ประยุทธ์ แทบเป็นรายวัน นั่นก็ว่า “การเมือง”

แต่โจ่งแจ้ง ไปถึงขั้นประกาศ “ล้มสถาบัน” ซึ่งมันไม่ใช่การเมืองแล้ว มันเป็นการกบฏมุ่งล้มล้างประเทศชาติโดยตรง ก็ยังไม่เห็น ผบ.ตร.ท่านออกมาแสดงให้เห็นว่ารู้สึก รู้สาอย่างไร ทั้งที่ชาวบ้าน ชาวเมือง ป้องหูฟังว่า ในความเป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ยามนี้ สันติมันไม่มีเลย อย่าว่าแต่เฉพาะกับราษฎร “ชาวบ้านชาวเมือง” เลย กับ “พระเจ้าแผ่นดิน” แท้ ๆ ก็ยังแทบจะหาความสันติให้กับพระองค์ท่านไม่ได้

“พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ครับ ในฐานะท่านเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” จะเอายังไงกับกองโจรเปิดหน้ากบฏบ้าน-กบฏเมือง? ท่านออกมาพูด-มาแถลง ถึงทิศทางปฏิบัติการกับคนเหล่านั้น ให้ชาวบ้านได้คลายความมึนงงสงสัยในบทบาท หน้าที่นายใหญ่ของท่านซักครั้งเถอะ ท่านอย่าแปลง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ให้เป็น “สำนักปฏิบัติธรรม” เลยครับ

อย่าทำให้ประชาชนเข้าใจว่า ตั้งแต่ผบ.ตร. ตลอดจนรอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร. รวมแล้วหลายสิบนาย ตลอดปี สองปีมานี้ เข้า “สมาธิกรรมฐาน” กันหมด!? ออกมาดูบ้าน-ดูเมือง ดูพวกขบวนการล่มชาติ-ล้มสถาบันมันทำกันบ้าง ที่เหิมเกริมหนักขึ้นทุกวัน ส่วนหนึ่งก็เพราะมันได้ใจ ว่าผู้หลัก ผู้ใหญ่ของตำรวจ “มุ่งนิพพาน” กันหมด ไม่สนใจพิทักษ์บ้าน พิทักษ์ประชาตามปรัชญาตำรวจแล้ว

ทั้งนครบาล พูดกันโดยข้อเท็จจริง เห็นมีแต่ “พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย” รอง ผบช.น.เป็น “กระบี่ 10 ทิศ” รับหน้า รับศึก อยู่นายเดียว


“ผู้บัญชาการนครบาล” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ก็ไม่เห็น อาจบัญชาการอยู่หลังฉากก็ได้ หรือท่านปลีกวิเวก “รอเกษียณ” ตุลานี้ ก็ไม่ทราบ

แต่จะอย่างไรก็ช่าง มันเงียบผิดวิสัยคนเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เงียบหลบหรือเงียบวางแผน ผมเดาไม่ถูกจริง ๆ สรุป คือสถานการณ์อย่างนี้ ชั่ว ๆ ดี ๆ มันต้องมี “นาย” ปรากฏหน้างานบ้าง “นายนครบาล” คนเดียวไม่พอ มันต้องมี “นาย” จากหอคอยสำนักงานตำรวจมาดูแลบัญชาการ กำกับแผนและนโยบายด้วย “ตำรวจชั้นผู้น้อย” ฝ่ายปฏิบัติการจะได้มีขวัญกำลังใจ ทั้งชาวบ้านจะได้อุ่นใจว่า ยังมี “ผู้หลักผู้ใหญ่” เอาใจใส่ติดตามดูแลอยู่บ้าง แต่นี่ ไม่มีเลย

ใช่ว่าผมใส่ร้าย-ปรักปรำ หรือผมไม่เห็นคนเดียว แต่ชาวบ้าน-ชาวเมืองเห็น ถ้าเห็นว่ามี ช่วยบอกด้วย ผมจะได้กราบขออภัย ทุกวันนี้ ผมทั้งสงสาร ทั้งเห็นใจตำรวจท้องที่ และตำรวจแนวหน้า คือตำรวจที่ยืนเรียงแถวให้พวกสามนิ้วกระทืบ ถ่มถุยสาดสีใส่ โดยไม่ตอบโต้ใด ๆ เลย ผมไม่เข้าใจ มันเป็นนโยบายให้ตำรวจผู้น้อยแนวหน้าบำเพ็ญอุเบกขา ถูกกระทืบ ถูกด่า ถูกเหยียดหยาม ให้ยืนนิ่งอุเบกขา อุเบกขาเข้าไว้ หรือเป็นแผนลึกซึ้งอันใดของสำนักงานตำรวจ ว่าวิธีการ สงบ-สันติ-อหิงสา ยืนฟังโจรด่า ตั้งแต่สูงสุดยันล่างสุด ว่านั่นเป็นการ “พิทักษ์ชาติบ้านเมือง” และสถาบัน ที่ถูกต้อง?

ยิ่งเห็นตำรวจแนวหน้า ฝ่าดงตีนเข้าจับกุมพวกก่อการ ไหนจะต้องเหนื่อยกับการจับ ยังต้องรีบทำสำนวนคดีให้ทันเวลาผัดฟ้อง-ฝากขัง และไหนยังต้องไปยืนตั้งแถวรับตีน รับคำเหยียดหยามด่าทอ จากพวกมันที่ตามมาราวี บีบบังคับให้ปล่อย ยังไม่ทันหายเหนื่อย……. ยื่นขอฝากขังระหว่างสอบสวนปุ๊บ ศาลท่านก็เมตตาให้ประกันปั๊บ ได้ประกันไปครั้งแล้ว-ครั้งเล่า “แบบมีเงื่อนไข” พวกมันก็ไม่แคร์ ออกไปปุ๊บ ก็ยกขบวนคุกคาม-ข่มขู่ตำรวจถึงหน้าโรงพัก รื้อพังทำลาย สาดสี-สาดน้ำลายอีก

พวกมันได้ใจ เพราะรู้ว่าศาลเมตตาประชาธิปไตย ตำรวจจับ เดี๋ยวท่านก็ให้ประกัน แม้ผิดเงื่อนไขประกันครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ท่านก็ยังดำรงมาตรฐาน “เมตตาประชาธิปไตย” เป็นที่ประจักษ์สม่ำเสมอ ตำรวจต้องเข้าใจนะครับ อย่าคิดมาก อย่าท้อ เข้าใจไขว้เขวจนไม่อยากจับพวกขบวนการล่มชาติ-ล้มสถาบัน การจับกุมผู้ทำผิด เป็นอำนาจหน้าที่ตำรวจ การพิจารณาตัดสินคดี รวมทั้งการให้-ไม่ให้ประกัน เป็นอำนาจหน้าที่ศาล

ฉะนั้น เมื่อการจับกุมคนทำผิด เป็นอำนาจหน้าที่ในอ้อมแขนตำรวจ ท่านก็ทำหน้าที่ในอ้อมแขนไปเถอะครับ อย่าท้อ ประชาชนเข้าใจ และสาธุท่านอยู่แล้ว ตอนนี้ เขา “เปิดหน้า-เปิดตัว” ประกาศ 5 ข้อ “ล้มสถาบันกษัตริย์” ให้ปรากฏต่อสาธารณชนกันแล้ว เหิมถึงขั้น 7 สิงหา จะบุกพระบรมมหาราชวัง ในความเป็น “ผู้รักษากฎหมาย” ของตำรวจ โดยเฉพาะ ผบ.ตร. ท่านชำนาญข้อกฎหมาย ฉกาจฉกรรจ์ด้านสอบสวนมาตลอด

ขอเรียนถามตรง ๆ ครับ ที่ปิยบุตรประกาศ 5 ข้อนั้น กับที่ขบวนการโพสต์เฟซ ปั่นทวีต จ้วงจาบหยาบช้าสถาบัน และนัดหมาย 7-10 สิงหา ก่อการใหญ่ “ชิงเมือง-ล้มสถาบัน” นั่นน่ะ เข้าข่าย “ผิดกฎหมาย” ขั้นอุกฉกรรจ์ไหมครับ? ถ้าไม่…ผมก็ไม่โต้แย้งอะไรท่าน เพียงจะขอตัวไปนอนเท่านั้น ถ้าเข้าข่าย..ในฐานะ ผบ.ตร. ท่านบอกประชาชนได้หรือไม่ว่า “อยู่สุขเถิดปวงประชา ตัวข้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” จะคุ้มภัยให้บ้านเมือง”?

หรือความผิดยังไม่เกิด ต้องรอให้บุก ให้ย่ำยีบีฑา ให้เผาบ้าน-เผาเมืองเสียก่อน ถึงจะถือว่า “ความผิดเกิดขึ้นแล้ว” รอถึงขั้นนั้น ตำรวจในสำนักปฏิบัติธรรมแห่งชาติ จึงจะออกมานั่งเรียงแถว อมิตพุทธ..อมิตพุทธ ให้ประชาชนได้อนุโมทนา?

ตำรวจมี 2-3 แสนนาย ระดับผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร.-รอง-ผู้ช่วย ที่นั่งอยู่บนหอคอย 14-15 นาย ถ้านับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่คืนกลับไปด้วยก็เป็น 16 นายแต่ที่ออกมาทำหน้าที่ผู้บังคับบัญชาประจำสถานีรบในกรุงเทพฯ เห็น พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ระดับรอง ผบช.น.หัวไม่วาง-หางไม่เว้นอยู่คนเดียว

อาราธนาจาก สตช.มาเป็นขวัญกำลังใจหน้างานกับชั้นผู้น้อยและกับชาวบ้านซักนาย-สองนายได้มั้ยครับท่าน ผบ.ตร.? เป็นนาย ไม่จำเป็นต้องลงมาแย่งงานลูกน้องทำ มันก็ใช่ แต่มาเต๊ะจุ๊ยให้เห็น ไม่มีลูกน้องคนไหนว่าหรอก ส่ง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. หรือไม่ก็ “บิ๊กโจ๊ก” มาแสดงผลงานเป็นการ “ล้างตา” ดูซักยกก็ได้ ไหน ๆ ก็กินเงินเดือนจากชาวบ้านแล้ว จะเก็บ-จะกั๊ก เขาไว้ โดยไม่ให้ทำงานเพื่ออะไร ให้ทำงานพิสูจน์ไปเลย เห็นประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “ห้ามชุมนุม” เด็ดขาด มันไม่สนหรอก มันยิ่งออกมาชุมนุมท้าทายหนักขึ้น

มันออกมาแล้วจัดการอะไรไม่ได้ กฎหมาย-กฎระเบียบ จะมีเพื่ออะไร? “พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ในคำสั่งระบุว่า “ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง” ถามว่า ถึงขั้นนี้แล้ว “เกี่ยวกับความมั่นคง” หรือยังครับ? ในคำสั่ง ก็มีแต่คำสั่ง แล้วให้ใคร-หน่วยไหนเป็นผู้ควบคุมดูแลให้เป็นไปตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินล่ะ?

ตำรวจ “เหมาทั้งหมด” อย่างนั้นหรือ หรือให้ทหารมาเป็น “ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ในการระงับเหตุการณ์ร้ายแรง หรือควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบโดยด่วน? อืมมมม….ทำไมมันหาความชัดเจนยากจริงในยุคนี้?