เฟสบุ๊ค เงินหายไป 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แพ้ทางลูกค้ารายใหญ่ งดแอดโฆษณา ทำหุ้นร่วง 8.3% ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน สุดท้ายต้องยอม ควบคุม Hate Speech

3546

เนื่องจากกรณีการประท้วงต้านการเหยียดผิวในเมืองมินนิแอโปลิส สหรัฐอเมริกา ขยายสู่ทั่วประเทศและทั่วโลก กลุ่มธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ที่ได้รับแรงกดดันจากพนักงานและสังคมในอเมริกาและหลายประเทศทั่วโลก ได้ร่วมมือกันจัดการรณรงค์ The Stop Hate for Profit กดดันเฟสบุ๊คให้ควบคุม คำพูดและสื่อที่ส่อไปในทางยุยงให้เกิดความเกลียดชัง และการใช้ความรุนแรง ช่วงแรกเฟสบุ๊คไม่ตอบสนองเท่าไร จนกระทั้่งถูกลูกค้ารายใหญ่เช่น โคคา-โคล่า, ยูนิลิเวอร์ ฯ งดแอดโฆษณา ทำหุ้นร่วง 8.3% ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ในที่สุดจึงต้องแสดงท่าทียอมเข้าสู่กระบวนการควบคุม การส่งสารแบบรุนแรง และสร้างความเกลียดชัง

วันที่ 27 มิ.ย.63 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเฟซบุ๊กต้องเผชิญกับการบอยคอตหยุดซื้อโฆษณาครั้งใหญ่ จากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น โคคา-โคล่า, The North Face, Verizon, Ben & Jerry’s และยูนิลีเวอร์ เป็นต้น ภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า The Stop Hate for Profit

โดยแคมเปญ The Stop Hate for Profit เกิดจากการรณรงค์ของกลุ่มกลุ่มสิทธิพลเมืองในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเริ่มตั้งแคมเปญดังกล่าวตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ โยมีวัตถุประสงค์เพื่อประท้วงเฟซบุ๊กที่ไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาโพสต์ข้อความที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังได้ดีพอ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยว่า จากการบอยคอตครั้งนี้ทำให้ราคาหุ้นของเฟซบุ๊ก ในวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ร่วงไป 8.3% ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ทำให้มูลค่าตลาดของเฟซบุ๊กหายไป 56,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และทำให้ความมั่งคั่งของนายซัคเคอร์เบิร์กลดลงไปอยู่ที่ 82,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ล่าสุดทางเฟซบุ๊กเผยว่า ทางบริษัทจะเริ่มติดแถบเตือนโพสต์ที่ก่อให้เกิดความโกรธเคืองที่มาจากนักการเมืองต่างๆ อย่างเข้มงวด โดยทางมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO เฟซบุ๊ก ย้ำว่า “จะไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ
นักการเมืองคนไหนทั้งสิ้น”

………………………………………………………
Cr: bloomberg, foxbusiness