จากกรณีที่วานนี้ (3 ส.ค.) บริเวณลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ สี่แยกปทุมวัน กลุ่มราษฏร ได้จัดกิจกรรมชุมนุม “เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน”เพื่อรำลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ม็อบแฮรี่พอตเตอร์
โดยมีแกนนำคนสำคัญ ๆ เช่นนายอานนท์ นำภา , น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ และนายธัชพงศ์ แกดำ ขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีการแสดงดนตรี และร่วมจุดเทียนรำลึกถึงผู้สูญเสียจากการบริหารจัดการของรัฐบาลภายใต้สถานการณ์โควิด-19
โดยทางด้านนายอานนท์ นำภา ซึ่งอยู่ในระหว่างเงื่อนไขการประกันตัว ได้ประกาศกลางการปราศรัยว่า วันนี้จะเป็นการทบทวนในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และที่เราจะก้าวต่อไป
ขณะนี้เราก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว และจะมั่นคงมากขึ้น เพดานสันติวิธีก็จะขยับขึ้นด้วย การพูดถึงปัญหาที่แท้จริงทำให้เราได้รับแนวร่วมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลพิสูจน์ได้จากเวทีที่มีการพูดถึงการเมืองทั่วไปจะไม่ค่อยมีคนเข้าร่วม ถ้าพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีผู้เข้ารับฟังจำนวนมาก ถ้าไม่พูดถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์คนเข้าร่วมจะน้อยพิสูจน์มาแล้ว พิสูจน์จนแน่ใจว่าเราเดินมาถูกทาง ส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมถูกดำเนินคดี 112 ทำให้สังคมได้เห็นว่าเรามีปัญหาอย่างไรและ 112 ก็ไม่ใช่คำตอบของสังคม ศาลก็ไม่สามารถขังพวกเราด้วยเหตุผลที่ไม่เป็นธรรมได้
ส่วนการนัดชุมนุมวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า จะเกิดความรุนแรง เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐตั้งใจทำให้เกิด พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ภาพของการชุมนุมเป็นการใช้ความรุนแรง แต่เราจะใช้การชุมนุมแบบสันติวิธีและยืนยันว่า เพดานสันติวิธีของเรามันมีเพดานอยู่ ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช้ความรุนแรงทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี แต่ถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเราเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเลือกใช้ความรุนแรง เพราะเราจะใช้การชุมนุมแบบเชิงสัญลักษณ์
“จากนี้ไปการชุมนุมจะใช้ สันติวิธีเพดานสูงสุด ดังนั้นวันที่ 7 ส.ค.จะเป็นอีกวันที่จะพิสูจน์ว่าทุกคนเป็นแกนนำ ออกมาต่อสู้เพื่อสร้างอนาคตไปด้วยกัน ถ้าไม่ออกมาก็รอความตายอยู่บ้านเพราะจะไม่มีทางได้วัคซีนดี ๆ เข้ามา จากนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คุณไม่มีทางห้ามพระอาทิตย์ไม่ให้ขึ้นได้ ห้ามความคิดคนไม่ได้ การสยบยอมต่อผู้กดขี่ ไม่มีอีกแล้ว”
อย่างไรก็ตามนายอานนท์ นำภา ติดเงื่อนไขที่ศาลสั่งห้ามกระทำความผิดซ้ำ ห้ามร่วมการชุมนุม และห้ามพาดพิงให้สถาบันต้องเสื่อมเสีย ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานเรียกร้องขอให้ศาล เพิกถอนประกันตัว เนื่องจากนายอานนท์ และแกนนำม็อบคนอื่น ๆ มีการทำผิดเงื่อนไขอย่างชัดเจน และทำผิดซ้ำหลายครั้งหลายหนด้วย ซึ่งแกนนำเหล่านี้ไม่ได้เกรงกลัว และยังคงเดินหน้าร่วมม็อบอย่างต่อเนื่อง