สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มภูเก็ตปลดแอก ได้ออกมา Call out และประท้วงการทำงานของรัฐบาลในสถานการณ์โควิด อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนยังได้มีการรวมตัวชุมนุมคาร์ม็อบในจังหวัดภูเก็ตด้วย
ต่อมาปรากฎว่า ในช่วงดึกวันที่ 29 ก.ค. 2564 เพจเฟซบุ๊กของภูเก็ตปลดแอก ได้โพสต์ภาพ ที่มีการนำผ้าขาวห่อคล้ายศพ เปื้อนสีแดง ถูกนำไปวางตามข้างถนน และจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ พร้อมเขียนข้อความ ระบุว่า “จำนวนผู้เสียชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลข หากแต่เป็นประชาชน อาจจะเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของใครบางคน อาจจะเป็นบุคคลอันมีคุณูปการต่อประเทศ แต่ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศไม่สามารถจะแก้ไขอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
จึงขอไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตเหล่านั้นด้วยใจจริง นี่เป็นเพียงนิทรรศการ หากใช่ศพจริงหรือไม่ แต่หากรัฐบาลล่าช้าที่จะแก้ไขปัญหา ก็มีรูปภาพแบบนี้ออกมา แต่เป็นผู้เสียชีวิตจริง ๆ”
ทำให้มีคอมเม้นต์เข้ามาต่อว่าในโพสต์นี้อย่างหนัก ว่าไม่สร้างสรรค์ ถึงแม้จะไม่ใช่ศพจริง แต่การทำแบบนี้ ภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวไม่เหลือแล้ว จะโกรธรัฐบาลไม่เคยว่า แต่อย่าทำลายบ้านเกิด หรือจังหวัดที่ทำกินของตัวเองเลย สงสารชาวบ้านคนอื่นด้วย ที่เขาต้องทำมาหากินเหมือนกัน
ล่าสุดทางด้านพ.ต.อ.อกนิษฐ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า กรณีเฟคนิวส์ หรือการสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนได้ออกติดตามต่อเนื่อง “ส่วนกรณีนี้ เราจะตรวจสอบภาพว่าต่างจากสถานที่จริงหรือตัดแปะภาพ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า เป็นการตัดแปะภาพในโลเกชั่น น่าจะเป็นการสร้างความคึกคะนองมากกว่า”
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในพื้นที่ นำโดยนายกิตติศักดิ์ เสียงสลัก เดินทางมาในนามประชาชนชาวภูเก็ต ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ กล่าวว่า วันนี้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต กรณีมีภาพที่ปรากฏทางสื่อโซเชียล ให้เห็นว่าในภาพมีคนตายนอนตามจุดต่าง ๆ ในภูเก็ต เมื่อ สืบค้นข้อมูลจึงรู้ว่าเป็นการแสดงของกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่หวังดีกับชาวภูเก็ต อาจเป็นการแสดงออกทางด้านการเมือง
“เราเคารพสิทธิ แต่สิ่งที่เขาทำออกไป ทำให้ภูเก็ต เสียภาพลักษณ์ ทำให้คนเข้าใจผิดทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าใจผิด เป็นการบิดเบือน ขอเตือนให้กลุ่มที่คิดจะทำไม่ดี ขอแสดงจุดยืนว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง ฝ่ายใด อย่ามาย่ำยีภูเก็ต อย่ามาย่ำยีบรรพบุรุษคนภูเก็ต มันไม่เหมาะสม ”
ในฐานะเป็นคนภูเก็ต รับไม่ได้จริง ๆ จึงเก็บรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุดให้รู้ว่าใครเป็นคนกระทำการ คนสั่งการ เท่าที่สืบทราบ มี 1 รายที่ชัดเจนว่าเป็นผู้กระทำการ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
