“หมอรามาฯ” พล่าม หลังนายกเอาผิดสื่อเฟคนิวส์! ตีมึนอะไรกันแน่ที่เป็น fake news อ้างยอดติดเชื้อสูงแสนรายต่อวัน?

1908

“หมอรามาฯ” พล่าม หลังนายกเอาผิดสื่อเฟคนิวส์! ตีมึนอะไรกันแน่ที่เป็น fake news อ้างยอดติดเชื้อสูงแสนรายต่อวัน?

จากกรณีที่ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีการติดเชื้อพุ่งสูงหลักหมื่นแทบจะทุกวัน นิวไฮอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ก็มีการปล่อยข่าวปลอมออกมาเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล และโจมตีการบริหารสถานการณ์โควิดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการเผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๙) เรื่องการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดหรือสับสน ปฏิบัติตนไม่ถูกต้องจนเกิดความเสียหายหรือเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือการรักษาสุขภาพของประชาชนโดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต อันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ฉุกเฉินให้วิกฤติยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีมาตรการที่กำหนดให้การใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงออกเป็นไปอย่างมีเหตุผล ถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงและมีความรับผิดชอบต่อความสงบสุขของสังคมส่วนรวมในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ตามกรอบที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนด

ต่อมาทางด้าน นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณียอดติดเชื้อในแต่ละวัน โดยระบุข้อความว่า

ยอด 16000 วันนี้ เอาจริงแปลกใจเล็กน้อย ไม่ใช่อะไรนะครับ แปลกใจว่า ไม่น่าจะใช่ยอดที่แท้จริง เพราะตอนนี้ประเทศเรารายงานเคสเฉพาะเคสที่ยืนยันจาก PCR testing เท่านั้นซึ่งมีปริมาณ test ที่ทำต่อวันจำกัด ถ้าเรานับเคสที่ positive จาก Antigen test kit ที่เรา active finding case ด้วย (ซึ่งเป็น probable covid-19 cases) ผมคิดว่ายอดจะขึ้นสูงไปมากกว่านี้ มีคนทำ simulation model ไว้ว่ายอดจริงๆอาจะมากกว่านี้ 8-9 เท่าเลย แปลว่าที่ positive ต่อวันถ้าเราตรวจได้มากแบบไม่จำกัด ยอดอาจจะสูงถึง 100000 คน/วันได้
ปล ผมคิดว่าถ้าจะรายงานเคสก็รายงาน definite case/ probable case แยกกันก็ได้ครับ จะได้ทราบ magnitude ของปัญหาที่แท้จริงครับ
Edit เพิ่มเติม: ในขณะนี้ได้ทราบว่ามีการประกาศแก้ไขในข้อที่ 5 เพิ่มเติมแล้ว และให้มีการ report probable case เพิ่มเติมจากเดิมที่ report เฉพาะ definite/confirmed case ที่ได้จากการตรวจ PCR อย่างเดียว ต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ทุกๆท่านที่รับฟังและปรับการรายงานเคสใหม่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศครับ
นอกจากนี้ นพ.ศุภโชค ยังได้มีการโพสต์ข้อความต่ออีกว่า การพูดความจริง การพูดสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ และการออกมาเพื่อ ignite สังคม ถ้าถูกมองว่าเป็น fake news และการทำให้สังคมตื่นตระหนก ????

ผมคิดว่าการที่เราเลือกที่จะไม่พูดความจริง และพยายามทำให้ปัญหานั้นมันเบาบางกว่าความเป็นจริงต่างหากที่มันเป็นปัญหา และสังคมเองก็สามารถตัดสินได้ว่า อย่างไหนกันแน่ที่สังคมจะตื่นตระหนกและหวาดผวา การพูดความจริงที่ไม่ถูกหูกับพูดสิ่งที่ถูกหูแต่ไม่จริง ไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่ที่เป็น fake news
BTW: ขอขอบคุณสื่อทุกๆท่านที่มีความเป็นมืออาชีพ ความเป็น professionalism และทำตาม integrity อย่างเต็มที่ที่สุด และขอเป็นกำลังใจให้กับสื่อน้ำดีด้วยครับ ในตอนนี้ วิกฤติขนาดนี้ เรามีศัตรูที่ชื่อว่า COVID19 ที่คร่าชีวิตคนรายวัน แค่นี้ก็หนักพอแล้ว อย่าได้ทะเลาะกันเองอีกเลย โปรดช่วยเหลือพวกเราเหล่าประชาชนด้วยครับ
“วิทยาศาสตร์และความจริงไม่เคยหลอกใคร เป็นสัจนิรันทร์เสมอ”
ซึ่งทางด้าน นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ได้มีการออกข้อกำหนด เพื่อสกัดเฟคนิส์ ว่า คุกคามสื่อ ประชาชน ตรงไหน !!! เนื้อหาในประกาศก็ชัดเจนระบุถึงการปล่อยข่าว เฟคนิวส์ ในออนไลน์

ละเมิดเสรีภาพของปชช.ตรงไหน หากไม่มีเจตนาปล่อยข่าวลือ สร้างความสับสน เจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร มีอะไรต้องกังวล ไม่ไปให้ร้ายหมิ่นประมาทใคร ไม่ต้องกังวลจะถูกใครฟ้องร้องเอาผิด ไม่เจตนาดูหมิ่น จาบจ้วง
112 จะไปทำอะไรใครได้