นี่ไงถึงต้องดำเนินคดี!?! พัดชา Call Out มั่วซั่ว ขึ้นภาษีผ้าอนามัยแบบสอด! รู้ว่าเป็นข่าวปลอมแต่ไม่ยอมลบโพสต์ ถูกแชร์ไปกว่า 2 พันครั้ง!

3073

นี่ไงถึงต้องดำเนินคดี!?! พัดชา Call Out มั่วซั่ว ขึ้นภาษีผ้าอนามัยแบบสอด! รู้ว่าเป็นข่าวปลอมแต่ไม่ยอมลบโพสต์ ถูกแชร์ไปกว่า 2 พันครั้ง!

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎกระทรวง กำหนดวัตถุอื่นเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ.2564 โดยระบุว่า อาศัยอำนาจตามความใน (3) ของบทนิยามคำว่า “เครื่องสำอาง” ในมาตรา 4 และมาตรา 5 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุดออกกฎกระทรวงไว้ว่า ให้ผ้าอนามัยชนิดสอดที่ใช้สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดเพื่อซับเลือดประจำเดือน เป็นเครื่องสำอาง ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2564 อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข

ซึ่งก็ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เทรนด์ #ผ้าอนามัยไม่มีภาษี ขึ้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์ เนื่องจากมองว่า การเป็นเครื่องสำอาง ทั้งที่เป็นของใช้จำเป็นนั้น จะทำให้ต้องมีภาระเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอัตราภาษีของเครื่องสำอางนั้น อยู่ที่ 30% หลายคนจึงกังวลว่า ผ้าอนามัยแบบสอดจะมีราคาเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทั้งๆที่เป็นของต้องใช้จำเป็น

ในขณะเดียวกันทางด้าน พัดชา เอนกอายุวัฒน์ หรือ พัดชา AF2 ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า ให้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอาง อัลไล!!??? อนุทิน!!??? เปลี่ยนจากเก็บภาษีจาก 7% เป็น 30% อัลไล!!??? อนุทิน!!

ต่อมา น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงเรื่องนี้ว่า “ยืนยัน ผ้าอนามัย เป็นสินค้าควบคุม ไม่ขึ้นภาษี

ชี้แจง ประกาศราชกิจจาฯ ผ้าอนามัยแบบสอด เป็นเครื่องสำอาง ดังนี้

1.ปัจจุบันมีผ้าอนามัย 2 ชนิด คือ ผ้าอนามัยใช้ภายนอกและชนิดสอด ทั้ง 2 ชนิดถูกจัดเป็นเครื่องสำอาง ตั้งแต่ปี 2528 เพราะเข้ากับนิยามเครื่องสำอางคือ วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความสะอาด ฯลฯ

2.ปี 2558 มีการแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องสำอางใหม่ มีการแก้ไขนิยามของคำว่า “เครื่องสำอาง” ทำให้ “ผ้าอนามัยชนิดสอด” หลุดจากคำนิยามของเครื่องสำอาง แต่ผ้าอนามัยใช้ภายนอก ยังเป็นเครื่องสำอาง

3.จึงเป็นเหตุผลให้ต้องออกกฎกระทรวงกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอด เป็นเครื่องสำอาง

4.ผ้าอนามัย เป็น 1 ใน รายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยในอัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ ถึง 30% ภาษีผ้าอนามัยจึงจะถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ตามราคาของสินค้าเหมือนสินค้าชนิดอื่นๆ”

น.ส.ไตรศุลี อธิบายเพิ่มเติมว่า “พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ กฏกระทรวงได้เปลี่ยนประเภทผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอาง (ตามนิยามของ พรบ เครื่องสำอาง) โดยที่ไม่ได้จะจัดเก็บภาษีเพิ่มแต่อย่างใด ส่วนประเด็นทางภาษีที่เข้าใจผิดกัน อธิบายคร่าวๆ คือ ภาษีนำเข้า – ศุลกากรเก็บ เครื่องสำอาง มีภาษีอยู่ที่ 30% แต่ไม่ได้เก็บผ้าอนามัย เพราะไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย คนเลยอาจจะเข้าใจผิด ภาษีมูลค่าเพิ่ม – สรรพากรเป็นคนเก็บ ดังนั้นทุกวันนี้ที่เราซื้อของ เราก็ไม่ได้จ่ายภาษีนำเข้า แต่เราจะมี Vat 7% ที่ต้องจ่ายรวมในราคาของเป็นปกติอยู่แล้วทั้งที่จริงเค้าแค่ออกประกาศว่าให้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอาง ไม่เกี่ยวกะภาษี”

อย่างไรก็ตาม ทวีตของพัดชา ก็ได้ถูกรีทวีตไปเป็นจำนวนมาก และต่อมาได้โพสต์ข้อความว่า *ขอลบทวีตนี้ค่ะ เป็นข้อมูลบิดเบือนะคะ ไม่มีการเปลี่ยนอัตราการเก็บ vat ค่ะ ขออภัยที่ไม่รอบคอบค่ะ คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ

และก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า คืองงกับคุณมาก คุณรู้ทั้งรู้ว่ามันข่าวปลอม ตอบเมนชั่นคนอื่นด้วยนะว่าเออรู้แล้วแต่ชั้นไม่ลบ งงว่าทำไมไม่ลบ มันจะมีสักกี่คนที่อ่านเมนชั่น+โควทคุณ ดูได้ง่ายๆเลยคนรีทวิตนี้เกือนสองพัน แต่รีเมนชั่น+โควทแก้ข้อมูลรวมกันไม่ถึง50อะ

ไม่มีความรู้จริง อย่า call out มันจะทำให้ด้อยค่าพวกดารา เหมือนวัคซีน Sinovac

และพัดชาก็ได้เข้ามาตอบกลับว่า เข้าใจแล้วค่ะ ขออภัยอีกครั้ง และกำลังจะลบค่ะ คราวหน้าจะรอบคอบกว่านี้ค่ะ และโพสต์ต่อว่า เป็นข้อมูลบิดเบือนะคะ ไม่มีการเปลี่ยนอัตราการเก็บ vat ค่ะ ขออภัยที่ไม่รอบคอบค่ะ จนล่าสุด โพสต์ดังกล่าวถูกลบไปแล้ว