ชาวเน็ตจีนกว่าครึ่งล้าน?!?ลงนามจม. เรียกร้องWHO สอบไบโอแล็บฟอร์ทเดทริคของสหรัฐฯ ผู้ต้องสงสัยปล่อยโควิด-19

1640

โลกตระหนกและแตกตื่นกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มจะเกิดซ้ำซากไม่หยุดเพราะมีการกลายพันธุ์อย่างผิดปกติ ขณะที่สหรัฐเที่ยวประกาศว่าประเทศสหรัฐเป็นศูนย์กลางแหล่งกระสุนสู้โควิดที่ดีที่สุดในโลก แต่ความจริงแล้วทั่วโลกเริ่มสงสัยพฤติกรรมของสหรัฐฯตั้งแต่ การพร่ำโฆษณาป้ายความผิดฝ่ายเดียวให้จีนเป็นผู้ร้าย และกีดกันวัคซีนของจีนและรัสเซียตลอดจนประเทศอื่นที่ประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนพึ่งตนเอง บีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยการโฆษณาชวนเชื่อและเหล่าสมุนบริวารบนท้องถนน ให้ต้องใช้วัคซีนที่ผลิตโดยสหรัฐเท่านั้น ในสงครามเชื้อโรคนี้ผู้ได้ประโยชน์สูงสุดคือ บริษัทบิ๊กฟามาร์ของสหรัฐและเครือข่ายบริวาร ล่าสุดเกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่ สองพลังในโลกไม่นิ่งทนเฉยอีกต่อไป ประชาชนจีนลุกขึ้นมาปกป้องตนเอง เรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกสอบสวนฝั่งสหรัฐฯด้วยจึงอาจค้นพบความจริง ของการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ที่มีแนวโน้มว่าจะไม่มีวันจบสิ้น ขณะที่ 48 ประเทศส่งจดหมายถึง WHO เรียกร้องให้ยุติการสอบสวนต้นกำเนิดไวรัสจากอคติทางการเมือง ให้เป็นหน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์เป็นหลัก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค.2564 สำนักข่าวโกลบอลไทมส์รายงานว่า ชาวเน็ตจีนกว่าครึ่งล้านคนได้ลงนามในจดหมายร่วมถึง WHO  โดยเรียกร้องให้องค์กรดำเนินการสอบสวนห้องทดลอง ฟอร์ทเดทริค(Fort Detrick) ไบโอแล็ป ของสหรัฐฯ สถานที่ซึ่งมีการปิดอย่างกะทันหัน ซึ่งยังคงถูกปกคลุมไปด้วยความลับที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจาก ประชาคมระหว่างประเทศ ประชาชนจีนเชื่อว่าการสอบสวนอย่างถี่ถ้วนในห้องแล็บของสหรัฐฯจะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคตได้  เพราะมั่นใจว่าจะมีเชื้อโรคอีกมากมายเกิดขึ้นในโลกอีกแน่นอน 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นักการเมืองและสื่อตะวันตกปลุกปั่นแคมเปญป้ายสีรอบใหม่เพื่อหมายหัวว่าจีนเป็นต้นเหตุของต้นตอของไวรัสโคโรน่าหวังหาช่องทางเรียกร้องค่าเสียหาย ทำลายเครดิตให้จีนเศรษฐกิจพัง 

ชาวเน็ตจีนจำนวนมากร่างจดหมายเปิดผนึกถึงขอให้องค์การอนามัยโลกตรวจสอบสถาบันวิจัยโรคติดต่อทางการแพทย์แห่งกองทัพสหรัฐฯ (USAMRIID) ที่เมืองฟอร์ท ดีทริก รัฐแมริแลนด์ พวกเขามอบหมายให้สำนักข่าวโกลบอลไทมส์ (Global Times) โพสต์จดหมายบนแพลตฟอร์ม WeChat และ Weibo ในวันเสาร์เพื่อขอคำตอบจากสาธารณะ ได้รวบรวมลายเซ็นกว่าครึ่งล้านภายใน 24 ชั่วโมง

 

พวกเขากล่าวในจดหมายว่าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดครั้งต่อไป WHO ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับห้องปฏิบัติการที่ทำการศึกษาไวรัสอันตราย หรือแม้แต่อาวุธชีวเคมี ซึ่งจดหมายเปิดผนึกได้ระบุถึงห้องปฏิบัติการฟอร์ทเดทริก ซึ่งเก็บไวรัสที่อันตรายและติดเชื้อมากที่สุดในโลก รวมถึงอีโบลา ไข้ทรพิษ โรคซาร์ส เมอร์ส และโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หากเกิดการรั่วไหลของสิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อโลก 

“แต่ห้องแล็บนี้มีประวัติฉาวโฉ่ในเรื่องความปลอดภัยของห้องแล็บ มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับแอนแทรกซ์ แบคทีเรียจากห้องแล็บที่ถูกขโมย ทำให้เกิดพิษร้ายแรงถึงตายได้ มีเหตุการณ์รั่วไหลในห้องแล็บในฤดูใบไม้ร่วงปี 2019 ก่อน การระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลโดยละเอียดของสหรัฐฯกลับถูกระงับโดยสหรัฐฯ ภายใต้ข้อแก้ตัวของความมั่นคงของชาติ” จดหมายระบุ 

ข้อมูลที่เปิดเผยโดยสื่อสหรัฐฯ ได้สร้างความวิตกให้กับโลก และบางคนก็ตั้งคำถามว่าโคโรนาไวรัสสามารถเชื่อมโยงกับห้องปฏิบัติการของสหรัฐฯ ได้หรือไม่?

USAMRIID ถูกปิดชั่วคราวในปี 2019 หลังจากการตรวจสอบของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) แม้ว่าห้องปฏิบัติการลึกลับแห่งนี้จะรายงานสาเหตุของการปิดตัวลงว่า “ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการปนเปื้อนของน้ำเสีย” คำอธิบายดังกล่าวเพียงพอ

ในตัวอย่างล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การศึกษาวิจัยที่ดำเนินการโดย National Institutes of Health’s All of Us Research Program พบว่ามีหลักฐานการติดเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐอเมริกาอย่างเร็วที่สุดในเดือนธันวาคม 2019 หลายสัปดาห์ก่อนการตรวจพบการติดเชื้อครั้งแรกในประเทศ

จดหมายร่วมกล่าวว่า “สิ่งที่น่าฉงนกว่านั้นคือเมื่อจีนอนุญาตให้นักไวรัสวิทยาจากประเทศตะวันตกและแม้แต่สื่อกระแสหลักของสหรัฐฯ เยี่ยมชมสถาบันไวรัสวิทยาหวู่ฮั่น สหรัฐฯ ยังไม่ได้เปิดห้องปฏิบัติการไบโอแล็บฟอร์ท เดทริคและไม่มีการแบ่งปัน ข้อมูลกับประเทศต่างๆ รวมทั้งจีนที่เป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมืองของสหรัฐฯ”

เสิง กวง(Zeng Guang) อดีตหัวหน้านักระบาดวิทยาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน กล่าวว่าผู้เชี่ยวชาญของ WHO ได้ทำการประเมินเกี่ยวกับ “ทฤษฎีการรั่วไหลของแล็บหวู่ฮั่น”ดังนั้นจึงควรสงสัยเกี่ยวกับสมมติฐานนี้ และมีคำถามสำหรับห้องปฏิบัติการอื่นๆ ว่าไวรัสรั่วไหลออกจากพวกเขาหรือไม่ นักระบาดวิทยาเรียกร้องให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในห้องแล็บในประเทศอื่นๆด้วย 

นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังมีห้องปฏิบัติการทางชีววิทยามากมายอยู่ทั่วโลกกว่า 200 แห่งที่โลกไม่เคยรับรู้ข้อเท็จจริงในการดำเนินการแต่อย่างใด “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาวุธชีวภาพทั้งหมดที่ประเทศครอบครองควรอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างถี่ถ้วน” เจิ้งกล่าว

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ มักขัดขวางและปฏิเสธที่จะให้ประชาคมระหว่างประเทศตรวจสอบห้องทดลองของ Fort Detrick หลังจากจัดการกับโรคระบาดที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 600,000 คน สหรัฐฯ ต้องการดึงโลกทั้งใบให้ถูกฝังด้วยหรือไม่ จดหมายเปิดผนึกถาม