“ผบ.ทบ.” เอาจริง! แจ้งจับกราวรูด ล็อตแรก 9 เฟคนิวส์ใส่ร้าย ทหารใช้ภาษีปชช.บินฉีดวัคซีนสหรัฐฯ!
จากกรณีโลกโซเชียลเผยแพร่ภาพชายกลุ่มหนึ่ง อ้างว่าเป็นทหาร ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมระบุว่าเป็นการบินไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่สหรัฐอเมริกา
โดยนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ก่อตั้งกลุ่มจาบจ้วงสถาบันฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อวันก่อน กลุ่มทหารไทยบินไปอเมริกากับสายการบินโคเรียนแอร์ 109 คน ซื้อตั๋วแพงสุดไม่ต่อไม่โปร ไปกลับ 70,000 บาท ไปกัน 14 วัน ตัวใหญ่ๆ ตามไปวันถัดมา คาดว่า เดินทางไปฉีดวัคซีนด้วยเงินภาษีประชาชน …ปลายทางที่เดียวกัน แต่เปลี่ยนเครื่องทั้งบอสตันกับแอตแลนตา โดยตัวใหญ่ที่นำไปเช็กอินบอกห้ามบอกใครค่ะ แต่พอมีคนถามก็ตอบว่าไปโดดร่ม โดยเป็นโครงการที่มีทางอเมริกาสนับสนุน เพราะให้ออกเป็นตั๋วเดลตาโค้ดแชร์ ไม่ได้ออกตั๋วโคเรียนแอร์
ราคาแฟร์กว่านี้มีไม่ยอมหาด้วยนะคะ ไม่รู้เหมือนกันทำไมต้องออกตั๋วราคานี้ เป็นราคาแพงสุดในแรงค์ economy บางช่วงแพงกว่า business ค่ะ แล้วแต่ละคน กว่าครึ่งพาสปอร์ตเพิ่งทำเดือนที่แล้วเลยค่ะ ได้ละบินเลย และจะขอโหลดกระเป๋าเพิ่มทุกคนด้วย แต่สายการบินไม่ไห้จบข่าว อีกหนึ่งตัวอย่างของข้าราชการ ที่อ้างว่าไปทำงานต่างประเทศ (เพราะใช้หนังสือเดินทางราชการ) แต่ที่แท้คือใช้เงินภาษีของประชาชนไปเพื่อฉีด Pfizer ที่อเมริกา แม้ว่าตัวเองจะฉีด 2 เข็มแล้วจากเมืองไทย ปล : ออกเดินทางจากไทยวันที่ 9 ถึงอเมริกาวันที่ 10 ฉีดยาวันที่ 11 ค่ะ
ต่อมาทางด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า ทหารไทยไม่ได้บินไปสหรัฐฯ เพื่อการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มสาม แต่เป็นการเดินทางไปเพื่อร่วมฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ (Strategic Airborne Operation) ร่วมกับกองทัพบกสหรัฐฯ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา
ล่าสุดทางด้าน พล.อ.ณรงพันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ทำหน้าที่แทนดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับบุคคลที่นำภาพไปบิดเบือน จนทำให้กองทัพบกเกิดความเสียหาย พร้อมให้ พ.อ.ณครสม เนาวบุตร ผู้อำนวยการกองคดี สำนักพระธรรมนุญทหารบก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลล็อตแรก จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย ผู้ในเฟซบุ๊ก จำนวน 8 ราย ทวิตเตอร์ จำนวน 1 ราย และจะมีการทยอยแจ้งความกับบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีก ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท จำคุก 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
