สหรัฐโดนโควิดเดลตาถล่มแล้ว?!?คนมะกันต่อต้านไม่ยอมฉีดวัคซีนเพราะระแวง ไม่ต้องการถูกบังคับ ทำป่วยพุ่งกว่า 20,000 คนต่อวันติดต่อกันรัวๆ

1565

สรุปสถานการณ์การระบาดในสหรัฐพบว่าเดลตาเริ่มที่จะกลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหม่ แม้วาจะมีการฉีดวัคซีนในวงกว้าง แต่อัตราการฉีดเริ่มลดลงในระยะหลัง ข้อมูลล่าสุดคือผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบทั้งหมด คือ 99.7% อยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ทะลุ 20,000 รายเป็นวันที่สี่ติดต่อกันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไม่หยุด ข้อมูลจากรายงานสำนักข่าวซีบีเอส มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นใน 26 รัฐ อัตราการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นใน 17 รัฐ ปัจจุบันสหรัฐติดเชื้อ  คนเสียชีวิตกว่า 6 แสนราย

ข้อมูลของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins แสดงให้เห็นว่าใน 26 รัฐพบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สำนักข่าว CNN รายงานว่าผู้เชี่ยวชาญเร่งให้ฉีดัวคซีนเร็วขึ้น เพราะการระบาดเริ่มไล่ตามอัตราการฉีดมากระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) คาดการณ์ว่าสายพันธุ์เดลตาซึ่งถูกระบุครั้งแรกในอินเดียคิดเป็น 51.7% ของการติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ทั้งหมดในประเทศสหรัฐในช่วงสองสัปดาห์จนถึงวันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา

 

ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้เป็นหัวหน้าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที 8 ก.ค.2564 ว่า มีผู้คนมากกว่า 9 ล้านคนอาศัยอยู่ในเขตที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 40%

ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ กล่าวว่า”ฉันกังวลว่าตัวแปรนี้มีความโดดเด่นมากขึ้น พื้นที่ที่เลือกของประเทศที่มีระดับการฉีดวัคซีนต่ำมาก เช่น 30% หรือมากกว่านั้น คุณจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นในบางภูมิภาค “เฟาซีกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา “คุณคงไม่ต้องการที่จะเห็นทวีปอเมริกาสองแห่งแยกจากกัน หนึ่งแห่งได้รับการฉีดวัคซีนและป้องกัน และอีกแห่งที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและมีความเสี่ยงอย่างมาก” โดยรวมแล้ว47.9% ของประชากรสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

มลรัฐมิสซูรีและอาร์คันซอเป็นรัฐที่มีอัตราผู้ป่วยรายสัปดาห์ต่อหัวสูงสุด ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มิสซูรีมีผู้ป่วย 142.1 รายต่อประชากร 100,000 คน และอาร์คันซอมี 139.8 ราย ตามข้อมูลของ CDC

มลรัฐแคนซัสรายงานจำนวนผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุดในรอบ 3 เดือนอยู่ทีเฉลี่ยวันละ 275 รายจากข้อมูลของสำนักข่าวเอพี โดยสายพันธุ์เดลตากำลังกลายมาเป็นความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ต่อหัวมากที่สุดในรัฐแคนซัสในช่วงสองสัปดาห์อยู่ในเขตที่มีพรมแดนติดกับรัฐมิสซูรีซึ่งมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เนื่องจากสายพันธุ์เดลต้า

เมืองอินดิเพนเดนซ์ รัฐมิสซูรีออกคำแนะนำด้านสาธารณสุขเมื่อวันศุกร์ที่ 9 กรฎาคม โดยระบุว่ามีผู้ป่วยและอัตราการรักษาในโรงพยาบาลพิ่มขึ้นทั่วเขตนครแคนซัสซิตีและรัฐมิสซูรีเนื่องจากสายพันธุ์เดลต้า

ทั้งแคนซัสและมิสซูรีต่างก็มีอัตราการฉีดวัคซีนอย่างเชื่องช้า เพราะมีการต่อต้านของของประชาชนต่อการฉีดวัคซีน 

ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เจ้าหน้าที่ลอสแองเจลีสเคาน์ตี้กล่าวว่าพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 165% ช่วงสัปดาห์นี้ และแคลิฟอร์เนียจะกำหนดให้ต้องสวมหน้ากากที่โรงเรียนเมื่อห้องเรียนเปิดช่วงภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงนี้ แม้ว่า  จะระบุว่าครูและนักเรียนที่ได้รับวัคซีนไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากภายในอาคารเรียนก็ตาม

มลรัฐมิสซิสซิปปีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเปิดเผยว่าจำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา

มลรัฐแอริโซนารายงานการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยรายวันที่มากที่สุดในรอบ 2 เดือน โดยมีผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 921 รายเสียชีวิต 6 รายในวันศุกร์ หลายเมืองเผยแพร่ป้ายเชิญชวนย้ำว่า “การฉีดวัคซีนปกป้องคุณ คนที่คุณรัก และชุมชนของคุณ วัคซีนมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ บริการฟรี และหาได้ทั่วไป”

ด้านไฟเซอร์กล่าวว่าภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่ผลิตขึ้นโดยความร่วมมือกับ ไบโอเอ็นเทคลดลง และกำลังพยายามพัฒนาวัคซีนกระตุ้นเพื่อป้องกันสายพันธุ์ต่างๆ เพิ่มเติมเป็นเรื่องที่คาดไว้

ดร.สตีเฟน โธมัส ผู้ประสานงานผู้วิจัยหลักสำหรับการทดลองวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

“ผมขอเน้นย้ำกับผู้คนในประเด็นนี้ว่า ภาระด้านสาธารณสุขของโควิดซึ่งเป็นโรคร้ายแรงคือ การรักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต แม้ว่าการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของวัคซีนเหล่านี้จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็มีประสิทธิภาพมากในการป้องกันผลลัพธ์ทั้งสามนี้”